“ประยุทธ์” นำทีมลงพื้นที่ ทภ.3 ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พร้อมตรวจเส้นทางสกัดกั้นยาเสพติด เตรียมเพิ่มมาตรการดูแลเข้ม ส่วนแนวทางแก้เด็กหัวโจกอาชีวะยกพวกตีกันได้ข้อสรุป ส่งเข้าค่ายละลายพฤติกรรมเหมือนทหารเกณฑ์ พร้อมขึ้นบัญชี ถึงเวลาเกณฑ์ทหารรับเข้าทันที โดยไม่ต้องจับฉลาก อยากดูจะเก่งจริงเหมือนในโรงเรียนหรือไม่ สำหรับปัญหาลูกเรือจีน 13 คนถูกฆ่า ต้องรอความชัดเจน ติงอย่าเอาข่าวจากสื่อมาถาม ย้ำดูแลลูกน้อง แต่หากผิดก็ช่วยไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางพร้อม พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก และคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมกองกำลังผาเมือง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งเป็นประธานในพิธีปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 80 พรรษา ในพื้นที่ บ.สันป่างิ้ว ต.แม่นาเรือ อ.เมือง จ.พะเยา กล่าวว่า ภารกิจในวันนี้เป็นการตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดนใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นกำลังพลของกองทัพภาคที่ 3 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีผลการทำงานอย่างดีเยี่ยมในเรื่องของการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติด โดยทุกกองกำลังในได้กวดขันตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเรื่องแรงงานต่างด้าว และการกระผิดกฎหมายอื่นๆ โดยกองทัพบกได้สั่งการลงไปชัดเจนให้ทุกกองกำลังมีมาตรการเข้มงวด เพื่อให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน สนับสนุนการปฏิบัติงานภายในประเทศของแต่ละประเทศ โดยไม่สนับสนุนการกระทำใดๆที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้าน
อีกทั้งจะเดินทางไป จ.พะเยา เพื่อดำเนินโครงการป่าต้นน้ำของกองทัพบก และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณแนวชายแดนตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล โดยเป็นทั้งสองโครงการเป็นโครงการระยะยาว 4 ปีสืบเนื่องมาจากโครงการปลูกฝายขยายคูคลองตามโครงการพระราชดำริและจะนำแนวคิดต่างๆ ของกองทัพบกไปพัฒนาและหารือร่วมกันกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเรื่องของการปลูกป่าที่จะต้องปลูกในพื้นที่ที่สามารถดูแลได้ และมีประชาชนเข้าไปดูแลที่จะได้รับประโยชน์ รวมทั้งจะทำฝายเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และอาจจะมีการทำแก้มลิงเพิ่มตามเส้นทางที่น้ำผ่านดีกว่าให้น้ำไหลทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์แต่จะต้องไม่ไปเปลี่ยนเส้นทางน้ำ
ส่วนความเข้มงวดเรื่องการดูแลการลักลอบนำเข้ายาเสพติด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางกองทัพบกได้ย้ำมาโดยตลอด ซึ่งจะเห็นว่าทุกครั้งที่มีการจับกุมได้ตามแนวชายแดนส่วนใหญ่ทหารจะเป็นผู้จับกุมได้และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เว้นแต่พื้นที่ในเมืองที่จะต้องทำงานร่วมกัน เพราะพื้นที่ชายแดนมีกองทำลังทหารอยู่และบางพื้นที่มีกองกำลังของตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งขึ้นการควบคุมทางยุทธการกับกองกำลังทหารเพราะการป้องกันตามแนวชายแดนเป็นการดำเนินการตามกฎอัยการศึก ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายส่วน โดยมีทหารเป็นหน่วยบังคับบัญชาทางยุทธการ กำหนดแผนจัดกำลังพลเข้าปฏิบัติร่วม ซึ่งที่ผ่านมาเราได้มีการเพิ่มเติมในการสร้างรั้ว สกัดกั้นด้วยเครื่องกีดขวางต่างๆตามทางเข้าออก เข้มงวดในเส้นทางหลักเส้นทางรอง และหาข่าวในเชิงลึกโดย กอ.รมน.
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงถึงความคืบหน้าของโครงการ “สุภาพบุรุษอาชีวะ” ว่า ขณะนี้ได้มีการประชุมหารือแล้ว โดยมีข้อสรุปว่าจะใช้หลักสูตรคล้ายๆ กับการเกณฑ์ทหารกองประจำการในการละลายพฤติกรรม โดยเน้นสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมในสังคม การทำประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งให้เห็นคุณค่าของชีวิตในแต่ละฝ่าย กลับมาดูครอบครัวของเขา มาเห็นอกเห็นใจพ่อแม่เขาส่งให้ไปเรียนหนังสือแล้วไม่เรียนเกเร และสร้างสำนึกในบุญคุณของครูอาจารย์ เชื่อฟัง เคารพ ทำให้สิ่งเหล่านี้ที่มันเคยอยู่ในสังคมไทยในอดีตกลับมา “วันนี้มันอยู่หรือหายไปผมไม่รู้”
“ผมคาดหวังว่าจะดีขึ้นและอยากให้เป็นโครงการระยะสั้น เพราะถ้าเป็นโครงการระยะยาวแปลว่ามีคนแบบนี้เยอะ ให้มันสั้นๆทำครั้งสองครั้งจบแล้ว แสดงว่าคนเข้าใจแล้วไม่มีอีก วันนี้ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจกัน รุ่นพี่บอกไว้ว่าอันตราย ไปโรงเรียนต้องพกมีดไว้เยวจะโดนทำร้ายระหว่างทางต้องพกไว้ป้องกันตัว มันเกี่ยวข้องกันทั้งหมด ดังนั้นต้องกลับมาสู่สังคมไทยที่พูดกันเข้าใจง่าย ไม่รู้จักแล้วมาฆ่าฟันกันมันไม่ใช่เรื่อง พวกนี้ขึ้นบัญชีไว้เอาไปเตรียมเป็นทหารถึงเวลาเกณฑ์ทหารพวกนี้รับหมดไม่ต้องจับฉลาก ดูสิว่าจะเก่งอย่างที่โรงเรียนอย่างที่ทำไว้หรือไม่”
พล.อ.ประยุทธ์ยังถึงความคืบหน้าคดีฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพ ที่มีการเกี่ยวพันกับกองทัพว่า อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม อย่าเพิ่งไปพูดว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง เพียงแต่มีการพาดพิงและเรียกไปสอบสวน ซึ่งทางเรายินดีสนับสนุนควบคุมตัวส่งให้ไปสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวน ผลการดำเนินคดีว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเราต้องดูแลเขา เขาทำตามหน้าที่ หากจะมีอะไรผิดพลาดไปก็ต้องชี้แจงออกมา
“ทหารทำอะไร ถ้าตัดสินแล้วว่าผิดก็คือผิด ช่วยอะไรลำบาก เราไม่ช่วยคนไม่ดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผิดหรือไม่ผิด แล้วถ้าผิดมันผิดเพราะอะไร แต่อย่างไรเราก็ต้องดูแลลูกหลานของเราอยู่แล้ว คนเราทำงานถ้าผิดพลาดไม่ใช่เรื่องส่วนตัวก็คงต้องดูแลเขา”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบชัดเจน เพราะยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้อะไรทั้งหมดที่เป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์มันใช้อะไรไม่ได้ มันเป็นข่าวเพียงเพื่อรับทราบ นำไปใช้ในศาลไม่ได้ ดังนั้นอย่านำมาอ้างตามที่หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นฉบับนี้ได้กล่าวมา ประเทศเราและรัฐบาลไม่ได้ทำงานกับหนังสือพิมพ์