ทีมโฆษกกองทัพบก ปัด ทบ.เด้ง "เสธ.ไก่อู" พ้นทีมงาน ระบุเหตุที่ไม่ได้ออกมาแถลงข่าวเพราะงานล้นมือ ต้องแบ่งให้รองโฆษกแจงแทน ไม่เกี่ยวเสื้อแดง หรือน้อยใจที่ไม่ได้ยศ"พลตรี" ยันกองทัพไม่ได้ทำร้ายประชาชน คดียิง 6 ศพวัดปทุมวนาราม มีพยานหลักฐานสู้คดีได้ ชี้เป็นสิทธิ "แม่น้องเกด" ร้องศาลโลก เผย ทบ.ส่ง "ผู้พันเบิร์ด” อบรมหัวโจกอาชีวะ เล็งเปิดค่ายทหารส.ค.นี้
ที่กองบัญชาการกองทัพบก วันนี้ (26 มิ.ย.) ทีมงานโฆษกกองทัพบก นำโดย พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง พร้อมด้วย พ.อ.วินธัย สุวารี และ พ.ท.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพบก ร่วมแถลงถึงแนวทางการทำงานของทีมโฆษกกองทัพบกหลังจากมีกระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงตัวโฆษกกองทัพบกว่า ขณะนี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิม แต่ พ.อ.สรรเสริญ ยังมีตำแหน่งเป็น ผอ.กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือน รับดูโครงการชุมชนค่ายทหารสีขาว บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน เดินทางไปต่างจังหวัดอยู่เป็นประจำ ทำให้งานล้นมือ แต่ท่านยังคงเป็นหัวหน้าทีมในการรับคำสั่ง รับนโยบายจากผู้บัญชาการทหารบกในการชี้แจงประเด็นต่างๆ ซึ่งบางส่วนที่ชี้แจงได้ก็ชี้แจงเลย บางเรื่องก็จ่ายงานมาให้ทีมงาน
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า พ.อ.สรรเสริญ ไม่ได้ถูกกองทัพบกลดบทบาท เพื่อไม่ให้กระทบต่อคนเสื้อแดง และไม่ได้น้อยใจที่ไม่ได้ขยับขึ้นยศพลตรีตามที่มีการนำเสนอข่าว แต่การมอบหมายให้ พ.อ.วินธัย ชี้แจง แถลงข่าวบ่อยขึ้น เพราะเป็นการแบ่งงาน และ มอบหมายมาจากทั้งตน และพ.อ.สรรเสริญ ที่เห็นว่า หากใครมีเวลา และ เหมาะสมต่อประเด็นใดก็จะมอบหมายให้รองโฆษกคนนั้นชี้แจง โดยจะหมุนเวียนกันมาชี้แจง
ทั้งนี้ในส่วนของตนจะดูในภาพรวมการประชาสัมพันธ์ของกองทัพ พ.อ.วินธัย จะเน้นหนักไปที่การชี้แจงประเด็นที่เป็นข่าว หรือ เรื่องที่เกิดความเข้าใจผิดจากประเด็นทางการเมือง และ พ.อ.วันชนะ จะประชาสัมพันธ์เรื่องภาพลักษณ์ ทั้งการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องน้ำท่วม และการนำนักเรียนอาชีวะมาเข้าค่ายฝึกทหาร ในขณะที่ พ.อ.วีระชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบ กด้านต่างประเทศ จะเป็นผู้แถลงประเด็นที่เกี่ยวกับต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนพ.ท.หญิงศิริยา เขื่องศิริกุล และ ร.อ.หญิง มญชุ์พิชา นราแย้ม ผช.โฆษก ทบ.จะเป็นผู้สนับสนุนข้อมูล
พ.ท.วันชนะ กล่าวว่า แนวทางการทำงานทีมงานโฆษกฯ ที่ผ่านมาจะมุ่งเน้นการนำเสนอข้อเสนอข้อเท็จจริงในส่วนของกองทัพบก บางเรื่องเกี่ยวพันกับหลายหน่วยงาน ถ้าเราพูดไปก็จะไปกระทบ จึงพยายามไม่พาดพิงหรือเกี่ยวข้อง เพราะเรายึดการทำงานแบบสุภาพบุรุษ และยึดมั่นการทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน เป็นหลัก
พ.อ.วันธัย แถลงถึงกรณีที่นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของน.ส.กมลเกด อักฮาด ที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม เดินทางไปยัง ศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อหารือแนวทางการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้อง และผู้สั่งการสลายการชุมนุมในปี 2553 ว่า เป็นเรื่องของผู้สูญเสียที่จะไปดำเนินการ แต่ในส่วนของกองทัพบกไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไป เราทำได้เพียงการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และมอบให้กับเจ้าหน้าที่สอบสวนไปแล้ว
ทั้งนี้กองทัพบก มีทนายความและเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมาย ดูแลเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนอยูในชั้นศาลที่จะสรุปและหาสาเหตุของการเสียชีวิตว่าเกิดจากอะไร ซึ่งบางครั้ง บางสถานการณ์ บางคดีมีพยานหลายปาก และให้ข้อมูลที่แตกต่างกันไป แต่ที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นการให้ปากคำของพยานปากแรกเท่านั้น และในส่วนของกองทัพบกเอง ถ้ามีโอกาสจะพูดให้เป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม การออกมาชี้แจงดังกล่าวไม่ได้ที่จะหักล้างการให้การของพยาน ยืนยันว่ากองทัพบกไม่ได้ทำร้ายประชาชน ซึ่งในกรณี 6 ศพในวัดปทุมวนาราม เราก็มีพยานหลักฐานในส่วนของเจ้าหน้าที่ เก็บรวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว
พ.ท.วันชนะ แถลงถึงโครงการของกองทัพบกที่จะนำเด็กนักเรียนอาชีวะที่มีปัญหาตีกันเข้ามาอบรมในค่ายทหารว่า ขั้นตอนอยู่ในระหว่างการพูดคุยและหารือ กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ถึงการกำหนดขอบเขต และรูปแบบในการฝึกอบรม ซึ่งเบื้องต้นเราจะดูถึงความสามารถของนักเรียนอาชีวะว่า มีความสามารถในเรื่องใด และจะนำอาจารย์มาสอนในค่ายทหารเพื่อไม่ให้นักเรียนเสียการเรียน ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาเลือกค่ายทหารใน 3 จังหวัด คือ จ.ลพบุรี สระบุรี และเพชรบุรี และจะร่วมกำหนด ว่าจะมีกี่รุ่น รุ่นละกี่คน แต่คาดการณ์ว่าน่าจะมีรุ่นละประมาณ 100 คน โดยจะรวบรวมนักเรียนอาชีวะที่เป็นหัวโจกตามสถานศึกษาต่างๆ มาอยู่รวมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยกในเรื่องของสถาบัน
พ.ท.วันชนะ กล่าวว่า กองทัพบกจะทำหน้าที่ฝึกวินัย และนำศักยภาพของเด็กอาชีวะให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม โดยตนจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าชั้นให้การอบรม และนำนักศึกษาอาชีวะออกบำเพ็ญประโยนช์ เช่น การออกค่ายซ่อมเครื่องยนต์ และไฟฟ้า แต่การดำเนินการต่างๆ เราจะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน ทั้งนี้คาดว่า การดำเนินการจะเป็นรูปธรรมได้ในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนที่มีการเสนอให้ส่งนักเรียนอาชีวะลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น คงทำไม่ได้เพราะน่าจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน
