xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” งดจ้อ ส่ง “วิทยา” แจงใช้สิทธิ 3 กองทุนสุขภาพได้เท่าเทียม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิทยา บุรณศิริ (แฟ้มภาพ)
“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” งดจ้อผ่านจอ ส่ง “วิทยา” แจงการใช้สิทธิ 3 กองทุนสุขภาพมาตรฐานเดียวกัน ครอบคลุมเอดส์-โรคไต เล็งรักษามะเร็ง พร้อมเสนอไอเดียนำยาเก่ามาแลกไข่ ด้านคมนาคมร่ายแผนลดต้นทุนโลจิสติกส์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” เช้าวันนี้ (23 มิ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี งดจัดรายการ โดยได้มอบหมายให้นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงการใช้สิทธิกองทุนสุขภาพ 3 กองทุน มีนายธีรัตถ์ รัตนเสวี เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายวิทยากล่าวว่า นโยบายการดูแลเรื่องสุขภาพของพี่น้องประชาชนนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ดูแลข้อเท็จจริงว่าทำอย่างไรให้ใช้สิทธิจาก 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนข้าราชการพลเรือน กองทุนหลักประกันสุขภาพ และกองทุนประกันสังคม ให้เกิดความเท่าเทียมกัน ไม่เหลื่อมล้ำกัน โดยมี กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข มาบูรณาการเพื่อทำงานร่วมกัน โดยใช้ทั้ง 3 สิทธิได้อย่าเสมอภาค อย่างกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งสามารถใช้สิทธิได้ทันที เพียงแค่มีบัตรประชาชนก็สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลแล้ว

นายวิทยากล่าวว่า ในส่วนของโรคเอดส์ นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้การรักษามีความเสมอภาค โดยต้องทำให้ 3 กองทุนมีมาตรฐานเดียวกัน เมื่อประชาชนเข้ารับการรักษา และเมื่อดูแลการรักษาแล้ว จะต้องดูแลเรื่องการป้องการเพื่อไม่ให้เกิดผู้ป่วยโรคเอดส์รายใหม่ ซึ่งตรงนี้ทางกระทรวงก็จะนำมาสรุปเพื่อหาข้อมูลที่ชัดเจนในการดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน หาข้อที่ดีที่สุดเพื่อดูแลสุขภาพของคนไทย

ส่วนการรักษาโรคไต ไตวาย ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนมาก และขั้นตอนการรักษาค่อนข้างยุ่งยากไม่ว่าจะเป็นการล้างไต การดูแลก็ดี การพบหมอ การล้างช่องทอง การล้างผ่านเส้นเลือด ตรงนี้นายกรัฐมนตรีย้ำว่าขอให้ดูแลผู้ป่วยโรคนี้โดยใช้ทั้ง 3 สิทธิได้อย่างครอบคลุม

นายวิทยากล่าวว่า กรณีของโรคมะเร็งนั้นจะดูในระยะยาว ในระยะยาว 3 กองทุนต้องคุยกัน และต้องมีการคุยกันเรื่องเพิ่มคุณภาพ ให้มากขึ้น ต่อไปประชาชนอาจสามารถเปลี่ยนบริการได้ถ้าได้รับบริการที่ไม่ดี เราพยายามเน้นตัวนี้

นายวิทยากล่าวต่อว่า กรณียาที่ใช้ในการรักษาที่ประชาชนเข้ารักการรักษาและมีการเปลี่ยนสิทธิ หรือเปลี่ยนโรงพยาบาลรักษาและกลัวว่าจะไม่ได้ยาเดิมนั้น ทางกระทรวงเล็งเห็นถึงความสำคัญและได้มีการตั้งคณะกรรมการดูและเรื่องยาโดยรวมทั้ง 3 กองทุน หาข้อสรุปว่า ควรซื้อยาลักษณะแบบไหนอย่างไร เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานเดียวกัน

“ในบัญชียาหลักจะมีหารพูดคุยกัน เพื่อแสวงหายาที่เหมาะสมและราคาที่เหมาะสม เพื่อเป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน อีกทั้งจะมีการกระตุ้นให้ให้ประชาชนนำยาเก่า หมดอายุแล้วมาแลกกับไข่ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะจัดโครงการไข่แลกยาในเดือนหน้า เนื่องจากยาที่ได้ไปใช้ไม่หมด และมีจำนวนมาก แก้ปัญหาไม่นำยาเก่าที่หมดอายุมาใช้อีกและส่งผลให้สุขภาพเสื่อมลง ซึ่งช่วยลดงบประมาณ แต่ยืนยันไม่ลดคุณภาพของยาแน่นอน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่ 2 ของรายการ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม ร่วมกันชี้แจงเกี่ยวกับการลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์

โดย นายชัชชาติกล่าวว่า การลดต้นทุนลอจิสติกส์เป็นตัวสำคัญของการประกอบธุรกิจ กรณีของไทยต้นทุนอยู่ที่ 15.2%ของจีดีพี ของอเมริกา 8.3% ของเราก็พยายามจะลดให้ได้เหลือ 13.2% ของจีดีพี เพื่อให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น ลดต้นทุน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของชาติที่พยายามจะลดตรงนี้ให้ได้

นายจารุพงศ์กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันระบบการขนส่งของบ้านเรามี 4 ระบบ แต่สัดส่วน 86% ไปทางรถยนต์ ส่วน 12% ทางน้ำ ส่วนที่เหลือทางรางและอากาศ วันนี้การขนส่งทางน้ำคิดต้นทุนต่อตันต่อกิโลถูกที่สุด รองลงมาทางราง และ สุดท้ายคือทางอากาศ จะดำเนินการเพิ่มการขนส่งทางน้ำจะเพิ่มจาก 12% เป็น 14% ก็เพื่อลดสัดส่วนทางบกลง ซึ่งการที่นายกฯไปแหลมฉบัง เพราะมีจำนวนการขนส่ง 52% ของทั้งหมด ถ้าแก้เรื่องคอขวดก็จะร่นระยะเวลาขนส่งและลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์

นายจารุพงศ์ยังกล่าวถึงศักยภาพของท่าเรือแหลมฉบังว่า ขณะนี้ขีดความสามารถขนส่ง 5.8 ล้านตู้ต่อปี ปี 2562 คิดว่าจะขึ้นเป็น 10.6-10.8 ล้านตู้ต่อปี ก็ยังเหลือเวลาที่จะแก้ปัญหา 6-7 ปี ก็จะทำรางที่จะขนขึ้นขนลงเพื่อให้ปัญหาคอขวดต่างๆ ลดลง นอกจากนี้ ที่ท่าเทียบเรือเฟส 1 ท่าเอ ยังปรับปรุงไม่หมด ไม่ค่อยมีท่าเรือในประเทศที่เข้ามาสวมต่อก็จะสร้างประสิทธิภาพท่าเอให้การขนส่งทางน้ำเข้ามาสู่ที่นี่ได้เร็วขึ้น นอกจากนั้นก็จะศึกษาเฟสที่ 3 ที่จะต้องใช้เวลา 6 ปี ตอนนี้เริ่มต้นทำการศึกษา ก็ต้องดูผลกระทบต่างๆให้รอบคอบ มีการศึกษาปากทางเข้าแหลมฉบัง และพัฒนาเส้นทางให้มีประสิทธิภาพในการเข้าสู่แหลมฉบังได้ และ กทพ.ทำทางยกระดับที้ค้างที่ชลบุรี เพื่อเข้ามาทางแหลมฉบัง และมอเตอร์เวย์เอง นอกจากไปที่มาบตาพุดแล้วก็จะไปที่แหลมฉบังด้วย
กรอ.หนุนเชื่อมโยงลอจิสติกส์ ตอ.เต็มสูบ ทั้งบก น้ำ อากาศ
กรอ.หนุนเชื่อมโยงลอจิสติกส์ ตอ.เต็มสูบ ทั้งบก น้ำ อากาศ
ศูนย์ข่าวศรีราชา - ที่ประชุม กรอ.สรุปเร่งรัด และพัฒนาการยกระดับการขนส่งทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพการบริการของสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา-พัทยา ให้เป็นสนามบินเพื่อการพาณิชย์เต็มรูปแบบที่จะมีทั้งการขนส่งคน และสิ่งของให้เชื่อมโยงกับสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ขณะที่การขนส่งทางน้ำ มุ่งเน้นการเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง กับท่าเรือมาบตาพุด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางบก ส่วนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออก และเมืองพัทยาอย่างยั่งยืน มอบหมายหน่วยงานเกี่ยวข้องจัดทำ WAR ROOM รับปัญหาให้แล้วเสร็จ และดำเนินการได้ภายในปี 58
กำลังโหลดความคิดเห็น