โฆษกประธานสภา เผย “ค้อนปลอม" ตั้งตนนั่งหัวหน้าทีมทนายรวบหลักฐานแจงศาลรัฐธรรมนูญ กรณีแก้ รธน. ย้ำไม่มีเจตนารมย์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ชี้เขียนป้องกันไว้ชัด จ่ออ้างรายงานสภา ส.ส.-ส.ว.ผู้ยื่นคำร้องแปรญัตติตัดและไม่ตัด ม.291/11 วรรค 5 ออก-ยุ กสทช.เอาจริงฟันช่อง 3-ทรู
วันนี้่ (21 มิ.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.30 น. นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าทีมทนายความรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 5-6 ก.ค. ในกรณีที่ ส.ส.และ ส.ว.ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมนั้นกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นอกจากนี้ยังมีนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยทีมกฎหมายจากรัฐสภา เป็นฝ่ายรวบรวมข้อมูลและถือเป็นพยานบุคคลที่จะไปร่วมชี้แจงด้วย ซึ่งก็ยังยืนยันว่าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีเจตนารมณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองแต่อย่างใด เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ร่างได้เขียนป้องกันไว้ในมาตรา 291/11 วรรค 5 ที่ระบุว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจะกระทำมิได้ มิฉะนั้นจะเป็นอันตกไป
นายวัฒนากล่าวอีกว่า แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า มี ส.ส.และส.ว.จำนวนหนึ่งในผู้ยื่นคำร้อง คงมีความมั่นใจมากว่าสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะไม่มีการร่างรัฐธรรมนูญที่ส่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองและรูปแบบของรัฐ จึงได้ยื่นแปรญัตติโดยตัดมาตรานี้ออกไป เช่น นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งนายสมชาย แสวงการ นางตรึงใจ บูรณะสมภพ ส.ว.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กลับไม่มีการตัดประเด็นนี้ออกไปเลย ซึ่งคงคิดว่าการร่างรัฐธรรมนูญจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองอยู่แล้ว ดังนั้น การนำสืบพยานตนก็จะอ้างบุคคลเหล่านี้ โดยนำไปเป็นพยานในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วย
โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎรยังแถลงถึงกรณีที่ กสทช.ได้ลงโทษสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ถ่ายทอดรายการไทยแลนด์ ก็อตทาเลนต์ โดยให้จ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 5 แสนบาท ขณะที่จอดำในการถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2012 คิดค่าปรับ 20,000 บาทต่อวัน โดยระบุว่าเป็นอัตราโทษปรับที่สูงสุดแล้วว่า ตนอยากฝากไปยัง กสทช.ว่าบ้านเมืองได้ฝากความหวังไว้ ซึ่งควรดำเนินการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ถ้าหากรายการใดทำผิดวัตถุประสงค์การทำหน้าที่ของสื่อก็ต้องถอนใบอนุญาต ซึ่งการคิดค่าปรับดังกล่าว ความจริงต้องไปดูว่ารายการดังกล่าวมีค่าโฆษณานาทีเท่าไร ทั้งรายการรวมราคาเท่าใด ซึ่งค่าปรับควรจะรับผิดชอบถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรที่ได้ ขณะเดียวกัน ส่วนคดีทางอาญาก็จะต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด หากยังมีปัญหาช่องว่างในข้อกฎหมายก็ควรเสนอเข้ามาได้