xs
xsm
sm
md
lg

อองซาน ซูจี ของแท้ต้องแบบนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โลกได้รู้จัก ออง ซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้านของพม่า มากขึ้น ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการเดินทางไปเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปีของเธอ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ซูจี มาร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม ที่กรุงเทพ และเดินทางไปพบกับแรงงานพม่า ที่มหาชัย ไปพบกับผู้ลี้ภัย ที่ค่ายอพยพ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

ในการกล่าวสุทรพจน์ ในที่ประชุมของผู้นำ และผู้บริหารบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ การกล่าวปราศรัยต่อแรงงานและผู้ลี้ภัยชาวพม่า เป็นครั้งแรก ที่พม่า ไม่ได้ถูกพูดถึงในฐานะตลาดเกิดใหม่ แหล่งทรัพยากรมหาศาลที่รอการตักตวง จุดเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจ ระหว่างตะวันออกกับตะวันตก แต่อองซาน ซูจีพูดถึง คนพม่า ในฐานะมนุษย์ ที่ต้องมาขายแรงงาน และลี้ภัยในประเทศไทย พูดถึงคนพม่าในประเทศ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ที่ไร้การศึกษา ไม่มีงานทำ อยู่กับความยากจน เธอเรียกร้อง การลงทุนจากต่างชาติ ที่โปร่งใส และเป็นประโยชน์กับคนพม่า ไม่ใช่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนฝ่ายเดียว

ออง ซาน ซูจี เดินทางออกนอกประเทศ เป็นครั้งที่สอง เมื่อสัปดาห์ก่อน จุดหมายปลายทางคือ ยุโรป เพื่อไปกล่าวสุนทรพจน์ ในที่ประชุมประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ที่สวิตเซอร์แลนด์ ไปกล่าว คำตอบรับ รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ที่เธอได้รับเมื่อ 21 ปีก่อน แต่ไม่สามารถไปรับเองได้ ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ไปเยือนไอร์แลนด์ เพือร่วมคอนเสิรต์ ที่จัดขึ้นเพื่อเธอ ไปฝรั่งเศส ไปฉลองวันเกิดปีที่ 67 กับลูกชายที่อังกฤษ และกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมร่วมรัฐสภาอังกฤษ

บนเวทีนานาชาติเหล่านี้ แหละ ที่เราได้รู้จักตัวตนของ อองซาน ซูจี มากขึ้น นอกเหนือจาก การรู้จักผ่านคำบอกเล่า ในความเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่ยืนหยัดต่อสู่กับ เผด็จการทหารพม่ามานานกว่า สองทศวรรษ สิ่งที่ซูจี พูดบนเวทีเหล่านี้ สะท้อนถึงสติปัญญา และวุฒิภาวะของผู้นำที่แท้จริง

แม้ซูจี จะเป็นผู้หญิง แต่เธอไม่ได้พูดถึง บทบาทของสตรี สิ่งที่ซูจี พูดถึงคือ ชะตากรรมของเพื่อนร่วมชาติ ผู้ที่เป็นนักโทษการเมือง ที่ไม่มีคนรู้จัก ซึ่งยังอยู่ในคุก ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ขนกลุ่มน้อยตามชายแดน แรงงานพม่าในประเทศไทย เธอไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า ชีวิตของพวกเขาจะดีขึ้น นับจากนี้ไป แต่บอกว่า อย่ามองโลกในแง่ดี มีศรัทธาอย่างมืดบอดว่า อนาคตของพม่าจะสดใสรุ่งเรือง ต่อไปนี้ เราจะรวยกันทั้งประเทศแล้ว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับ รัฐบาล กองทัพ นักลงทุนต่างชาติ และประชาคมนานาชาติ

ออง ซาน ซูจี ถือ โพย ขึ้นเวทีด้วย เธอไม่ได้ อ่านโพย แต่พูดตามโพยที่เขียนไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งเป็นโพยที่เธอเขียนเอง ดังนั้น คำพูดของเธอ จึงเป็นคำพูดที่ออกมาจาก “ ข้างใน” ไม่ใช่พูด ตามโพยที่มีผู้เขียนให้ท่อง บนเวที เธอจึงไม่ต้องก้มหน้า ก้มตาอ่านโพย แต่ส่งสายตา สื่อสารกับผู้ฟังข้างล่างอยู่ตลอดเวลาที่พูด

ในการกล่าวตอบรับ รางวัลโนเบล ที่กรุงออสโล เธอพูดอ้อมๆ เหมือนจะบอกว่า แต่ก่อน เธอไม่ค่อยจะสนใจและเห็นความสำคัญของรางวัลโนเบลสักเท่าไร แต่เมื่อคณะกรรมการรางวัลโนเบล มอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้เธอ อเมื่อ ปี 1991 ข่าวการได้รับรางวัล ที่เธอรับฟังผ่านวิทยุ ในบ้านพัก อันเป็นที่กักขัง ทำให้เธอตระหนักว่า รางวัลโนเบล ทำให้เธอไม่ถูกโดดเดี่ยว ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในบ้านพักอีกต่อไป รางวัลโนเบล ได้เปิดประตูในหัวใจของเธอ ทำให้เธอตระหนักว่า นอกจากเธอแล้ว ยังมีผู้อื่นที่ถูกขังอยุ่ในคุกทั้งในพม่าและในทื่อื่นๆ และยังมีโลกของคนที่เป็นอิสระ ไม่ถูกคุมขัง รางวัลโนเบล ที่เธอได้รับ ทำให้นักโทษการเมืองในคุกพม่า และปัญหาสิทธิมนุษยชนของพม่า ได้รับความสนใจจากโลกภายนอก เป็นแรงกระตุ้น ที่แม้จะใช้เวลายาวนาน แต่ในที่สุดก็นำไปสูจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในพม่า

บางตอน ในคำกล่าวของเธอ พูดถึง สันติภาพ ความสุข ความทุกข์ ความเมตตา ในแนวทางของศาสนาพุทธ

“ ข้อดี ของการมีชีวิตที่โดดเดี่ยวคือ ทำให้มีเวลามากมาย ที่จะคิดไตต่ตรองควาหมายของ คำพูดและคำสอนที่ดิฉันรู้จัก และยอมรับมาตลอดชีวิต ในฐานะชาวพุทธ ดิฉันได้ยินคำว่า “ ทุกขะ” ซึ่งแปลว่า ความทุกข์ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แทบทุกวันที่ ผู้คนรอบๆตัวดิฉันจะท่องพึมพำว่า “ ทุกขะ ทุกขะ” เมื่อร่างกายเจ็บปวด หรือเมื่อประสบกับเคราะห์กรรม เล็กๆน้อยๆ ที่ทำให้ไม่สบายใจ ในช่วงที่ถูกกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านนี้แหละะ ที่ดิฉันได้ศึกษา ธรรมชาติ่ของ ความทุกข์อันยิ่งใหญ่ หกประการ ซึ่งได้แก่ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย การพลัดพรากจากผู้ที่เป็นที่รักและ การถูกบีบบังคับให้ไปอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เราไม่รัก ดิฉันไม่ได้ศึกษาความทุกข์แต่ละอย่างในแง่ศาสนา แต่พิจารณาความทุกข์เหล่านี้ ในบริบทของชีวิตประจำวัน ถ้าความทุกข์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไมได้ในชีวิตของเรา เราก็ควรจะพยายามบรรเทาทุกข์ให้น้อยลงมากที่สุดเท่าจะทำได้ในทางโลก ดิฉันคิดถึง โครงการ ส่งเสริมสุขภาพเด็กทารก ก่อนและหลังคลอด ที่มีประสิทธิภาพ โครงการแม่และเด็ก การอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุ บริการด้านสาธารณสุขอย่างพอเพียง แต่สิ่งที่ ดิ ฉันสนใจเป็นพิเศษ คือ เรื่องความทุกข์สองประการสุดท้าย การพลัดพรากจากผู้เป็นที่รัก และ การถูกบีบบบังคับให้ไปอยู่กับคนที่เราไม่รัก พระพุทธองค์มีประสบการณ์อย่างไรหนอ จึงได้นับความทุกข์ทั้งสองอย่างนี้ อยู่ในความทุกข์ อันยิ่งใหญ่หกประการ ตัวดิฉันเองคิดถึง นักโทษ และผู้ลี้ภัย นึกถึงแรงงานที่ไปทำงานต่างแดน และเหยื่อของการค้ามนุษย์ นึกถึงผู้ที่จำต้องจากแผ่นดินถิ่นเกิด จากครอบครัวและมิตรรสหาย ไปอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า ที่ไม่ต้อนรับพวกเขาเสมอไป”

อองซานซูจี ที่นุ่งโสร่ง สวมเสื้อแขนกระบอก ดอกไม้แซมผม คือ ภาพของผู้หญิงแห่งเอเชีย ในชุดประจำชาติ ที่เรียบง่าย มีรสนิยม งามสง่า เมื่อเธอพูด คำพูดของเธอ ทำให้เราได้เห็นความแตกต่างระหว่าง ผู้นำที่แท้จริง กับผู้นำที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา
กำลังโหลดความคิดเห็น