ผู้นำฝ่ายค้านไม่เชื่อ “ปู” เอาอยู่ หยันมีแต่ราคาคุย ไร้แผนบูรณาการแก้น้ำท่วม หวังพึ่งฟ้าฝนไม่ตกหนัก พร้อมเตือนรัฐบาลหยุดโยนบาปให้จังหวัด ระบุเป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ จี้เร่งประกาศพื้นที่รับน้ำ หลักเกณฑ์เยียวยา หวั่นเกิดปัญหามวลชนเผชิญหน้าซ้ำรอยปี 51
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล หลังนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดการลงพื้นที่ว่า ยังมีปัญหาเรื่องความล่าช้า โดยพื้นที่ที่นายกรัฐมนตรีไปตรวจนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องงบประมาณในการฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน แต่สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมว่าจะมีการบริหารที่แตกต่างจากปีที่แล้วอย่างไร
ทั้งนี้ จากคำสัมภษณ์ของนายกรัฐมนตรีก็ยอมรับว่ายังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการระบายน้ำช่วงรอยต่อของจังหวัดที่จะกระทบซึ่งกันและกันว่าจะดำเนินการอย่างไร มีแต่คำสั่งกว้างๆ ว่า อย่ากั้นน้ำให้ปล่อยน้ำมา ที่สำคัญคือเรื่องพื้นที่รับน้ำยังไม่มีการระบุว่าอยู่ที่ไหน ทำให้จะปฏิบัติได้ยากหากเกิดปัญหาขึ้นมา เพราะถ้าการกำหนดพื้นที่รับน้ำไม่ได้รับความเข้าใจ หรือไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของพื้นที่ก็จะเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างมวลชนขึ้นมาอีก
“ปัญหาที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของจังหวัดหรือรัฐบาล แต่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนและทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันด้วยความรับผิดชอบ เพราะน้ำไม่รู้ว่าเส้นแบ่งจังหวัดอยู่ที่ไหนแต่จะไหลไปตามธรมชาติ จึงเป็นหน้าที่ของส่วนกลางที่จะต้องประสานงานให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกันได้ แต่รัฐบาลพยายามใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะแยะไปหมดว่าจะรวมศูนย์ที่จุดเดียว มีการบูรณาการ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิดขึ้นจริง เพราะยังมีการโยนความรับผิดชอบกันอยู่ และที่กรมอุตุฯ เตือนว่าจะมีพายุเข้ามาอีก 3 ลูก รัฐบาลก็ต้องประเมินปริมาณน้ำฝนที่ตกเพื่อจะได้บริหารจัดการ โดยพิจารณาทุกปัจจัยเป็นองค์ประกอบ แต่รัฐบาลยังไม่ได้เรียนรู้จากน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้วอย่างเพียงพอ ซึ่งเห็นได้จากการกำหนดพื้นที่รับน้ำยังไม่มี ปัญหาการจ่ายเงินชดเชยก็ยังไม่จบ การประสานงานระหว่างพื้นที่ไม่มีกติกาใหม่ การใช้อำนาจในเรื่องอพยพเมื่อประสบภัยก็ไม่ชัดเจน ทั้งที่เป็นหัวใจของปัญหา ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ที่ฝนฟ้าว่จะมามากน้อยแค่ไหน เพราะผมไม่เห็นความแตกต่างจากการบริหารของรัฐบาลจากปีที่แล้ว จึงต้องตั้งความหวังว่าฝนจะไม่ตกมาก น้ำไม่มามาก และอยากเร่งให้รัฐบาลทำในเรื่องระบบบริหารที่โปร่งใส ให้ประชาชนเข้าใจในทุกพื้นที่ ไม่ใช่แค่พูดให้ความมั่นใจอย่างเดียว ต้องมีการกระทำให้เห็นด้วยว่ามีระบบการบริหารจัดการที่แตกต่างจากปีที่แล้ว ซึ่งหากเกิดปัญหาซ้ำอีกก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นด้วย”
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า แม้รัฐบาลจะให้การสนับสนุนการสร้างเขื่อนรอบนิคมอุตสาหกรรม แต่ธุรกิจนอกนิคมก็ยังไม่มีคำตอบใดๆ ในเรื่องนี้