xs
xsm
sm
md
lg

“หัสวุฒิ” ชี้ ศาลปกครองต้องมีอยู่ ยันใช้อำนาจตามกฎหมาย วอนจัดหา จนท.คุ้มครอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปธ.ศาลปกครองสูงสุด คาดหวัง 10 ปีข้างหน้า ต้องพัฒนาให้เป็นเสาหลักของบ้านเมือง ยันต้องมีอยู่ ไม่ใช่ยุบทิ้ง หรือรวมกับฝ่ายอื่น ส่อถอยหลังลงคลอง ชี้ เป็นผลดีต่อฝ่ายบริหารที่ช่วยลดแรงกระแทก ชี้ “ตุลาการภิวัฒน์” ต้องใช้อำนาจตามหลักกฎหมาย ไม่ใช่ตามอำเภอใจ ปฏิเสธศาลมีอำนาจมากเกินไป เพราะต้องทำรายงานไปรัฐสภา บอกปัดกรณีตุลาการถูกมองแทรกแซงนิติบัญญัติ เรียกร้องระบบคุ้มครองผู้พิพากษา เหตุมีความเสี่ยง

วันนี้ (14 มิ.ย.) ที่ศาลปกครอง นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวตอนหนึ่งระหว่างบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ศาลปกครองไทย กับการแก้ไขข้อพิพาทในสังคม” ว่า 10 ปีนับจากนี้ จำเป็นต้องพัฒนาองค์กรศาลปกครอง เพื่อให้เป็นเสาหลักของบ้านเมือง ซึ่งดูเหมือนพูดง่าย แต่ทำได้ยาก ผู้บริหารต้องคิดพิจารณาให้รอบคอบ โดยเฉพาะสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ จำเป็นต้องมีองค์กร ที่ทำให้คนในชาติเชื่อมั่น ตัดสินชี้ขาดปัญหาแล้ว ทุกฝ่ายยอมรับ ประเทศชาติก็จะเกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ปัญหาไม่พัฒนาสู่สิ่งที่เลวร้ายที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น

“การมีศาลปกครองเป็นผลดีกับฝ่ายบริหาร เพราะช่วยลดแรงกระแทกที่จะมีถึงฝ่ายบริหารโดยตรงมากกว่า ยกตัวอย่าง หากประชาชนมีปัญหากับฝ่ายบริหาร แล้วฝ่ายบริหาร ชี้ถูกผิดเองย่อมไม่มีใครเชื่อ แต่ถ้ามีองค์กรเข้ามาช่วยพิจารณาชี้ว่าใครถูกหรือผิด และมีเหตุผลเป็นไปตามข้อเท็จจริงตามกระบวนการของกฎหมาย ก็จะลดแรงกระแทกที่จะมีถึงฝ่ายบริหารได้ องค์กรศาลปกครอง จึงต้องมีอยู่ต่อไป ไม่ใช่ยุบ หรือนำไปรวมกับฝ่ายใด หลายสิบปีที่ผ่านมา กล้าพูดว่า เราทำหน้าที่อย่างมสมบูรณ์เต็มที่ ลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะเห็นได้จากการมีคำสั่งในเรื่องต่างๆ ออกมาแล้ว ทุกฝ่ายสงบให้การยอมรับ”

นายหัสวุฒิ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ความต้องการของคนในประเทศไม่เหมือนกัน แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การปกครองเดียวกัน จึงเกิดหลักที่ปกครองโดยฝ่ายข้างมากที่อดทนรับฟังฝ่ายเสียงข้างน้อย ซึ่งการรับฟังฝ่ายข้างน้อยมีความสำคัญ เพราะในสักวันฝ่ายข้างน้อยอาจเป็นฝ่ายข้างมากก็ได้ ซึ่งคนในสังคมต้องใจกว้างต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่แตกต่าง ทุกสิ่งก็จะเป็นไปตามระบบ ไม่มีการเล่นนอกกติกา

“ศาลเป็นองค์กรที่ใช้อำนาจรัฐหนึ่งในสามอำนาจที่สูงสุด แต่ไม่มีอำนาจเมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น อาทิ รัฐบาล รัฐสภา เพราะศาลจะใช้อำนาจตุลาการไปทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยตัวเองไม่ได้ จำเป็นต้องมีผู้มาฟ้องคดี ถ้าไม่มีผู้ฟ้องคดี ถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ ศาลก็ดำเนินการเองไมได้ และที่พูดกันว่า ตุลาการภิวัฒน์ ก็ไม่รู้ว่าผู้พูดเข้าใจความหมายที่แท้จริงหรือไม่ จริงๆ ตุลาการภิวัฒน์ เป็นเรื่องของการใช้อำนาจในคดีตามหลักกฎหมายที่ต้องอธิบายได้ ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ และข้อกฎหมายศาลไม่ได้ตราขึ้นมาเอง ศาลจึงไม่ได้มีอำนาจเหมือนฝ่ายอื่นๆ ดังนั้น ที่กล่าวหาว่า ศาลมีอำนาจมากเกินไปและไม่เคยถูกตรวจสอบ ไม่เป็นความจริงเลย เพราะศาลปกครองก็ต้องทำรายงานไปรัฐสภา จึงไม่เห็นด้วยหากมีการรวมรวม เพราะเชื่อว่าประชาชนจะไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่เป็นการถอยหลังไปสู่ยุคก่อนปี พ.ศ.2540

นายหัสวุฒิ ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีฝ่ายตุลาการ ถูกมองว่า แทรกแซงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ และกรณีอำนาจตุลาการกำลังถูกคุกคาม เพราะอำนาจฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติถูกแทรกแซงได้หมดแล้ว โดยกล่าวเพียงว่า ไม่พูดดีกว่า แต่ไม่ใช่ตอบไม่ได้ เพียงแต่พูดไปจะกลายเป็นปัญหา ซึ่งคิดว่าสื่อเองก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร รวมถึงสามารถช่วยบ้านเมืองได้ ส่วนศาลนั้นทำได้เฉพาะในขอบเขตที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่อำนาจที่มากมายอะไร อย่างไรก็ตาม ประธานศาลปกครองสุงสุด ยังเรียกร้องว่า ประเทศไทยน่าจะถึงเวลาที่มีระบบการคุ้มครองผู้พิพากษา ตุลาการ รวมถึงครอบครัวอย่างจริงจัง เช่น ในต่างประเทศ ไม่ใช่พอมีเรื่องก็จะมีการส่งเจ้าหน้าที่มาคุ้มกันเป็นครั้งๆ ไป เหมือนที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะการตัดสินคดีของศาลในทุกคดี ล้วนแต่มีความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น