“กลุ่มนักธุรกิจฯ ปชต.” ยื่นผู้ตรวจการฯ สอบ “ดำรงค์” รู้เห็นขน จนท.ป่าไม้ร่วมม็อบแดง

ตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย นำเครือข่ายยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบ “ดำรงค์ พิเดช” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เชื่อมีส่วนรู้เห็นเกณฑ์ จนท.ป่าไม้ร่วมชุมนุมเสื้อแดงที่หน้ารัฐสภา เชื่อเข้าข่ายมาตรา 157

วันนี้ (13 มิ.ย.) กลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 40 เครือข่าย นำโดยนางจิรารัตน์ ภาษิต ตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นและออกคำสั่งในการเกณฑ์เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าไม้ สังกัดบริหารพื้นที่อนุรักษ์ของแต่ละจังหวัด ประมาณ 2,500 คนที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 7-8 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าข้าราชการและเจ้าหน้าที่ดังกล่าว ได้รับคำสั่งที่ลงนามโดยนายดำรงค์ให้เข้ารับการฝึกอบรมในโครงการจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่อุทยาน ที่วัดธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี แต่กลับพบว่าได้มีการเคลื่อนย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่ดังกล่าวมารวมตัวเพื่อเตรียมความพร้อมที่สวนสัตว์ดุสิต พร้อมได้รับเสื้อสีแดง 1 ตัว และผ้าโพกศีรษะสีแดง 1 ชิ้น

ทั้งนี้ ทางกลุ่มเครือข่ายได้นำสำเนาคำร้อง สำเนาคำสั่งของนายดำรงค์ พร้อมภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว มาเป็นหลักฐานประกอบยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่อาจเชื่อได้ว่านายดำรง ได้จัดวางเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเพื่อมาเป็นการ์ดและร่วมชุมนุมทางการเมืองกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จึงยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายกรณีที่เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ตลอดจนอาจเป็นการกระทำผิดที่ผิดวินัยอันฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หรือไม่

ด้าน นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวมองว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะรับไว้พิจารณา ซึ่งเบื้องต้นจะแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบ ก่อนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณาเข้าสู่ที่ประชุม หากพบว่าผู้ถูกร้องกระทำผิดจริง ผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะมีอำนาจที่จะสั่งระงับไม่ให้กระทำการที่มิชอบอันจะเกิดผลเสียหายต่อประเทศ และหากมีความผิดทางอาญารวมอยู่ด้วย ก็จะเสนอความเห็นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการลงโทษตามบทวินัยของข้าราชการต่อไป