ส.ส.ปชป.ยื่น กมธ.ทรัพยากรธรรมชาติฯ สอบอธิบดีกรมอุทยานฯ ส่ง จนท.ป่าไม้สมทบม็อบแดงหน้าสภาฯ เย้ยใช้โครงการธรรมะบังหน้า เข้าข่ายความผิดอาญาหลายกระทง ชี้พิรุธ “ดำรงค์” ทำโครงการจริยธรรม 7-16 มิ.ย. แต่เพิ่งออกคำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ 5 มิ.ย. ด้าน ปธ.กมธ.เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องชี้แจง เสนอ สตง.ตรวจสอบการใช้งบประมาณ
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายนริศ ขำนุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการนำเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยปรากฏหลักฐานทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวกรณีมีชายฉกรรจ์จำนวนมากได้รับแจกเสื้อแดงมีข้อความ “ปกป้องสถาบันนิติบัญญัติ” กางเต็นท์ แขวนเปลลายพราง ลักษณะคล้ายอุปกรณ์เดินป่าของเจ้าหน้าที่ป่าไม้กระจายอยู่เกือบทุกชั้นของอาคารจอดรถสวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน) ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ เซ็นคำสั่งให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จำนวน 2,500 คน เข้ารับการฝึกอบรมการปฏิบัติธรรม ณ วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ระหว่าวันที่ 7-16 มิ.ย. 55 แต่เมื่อเดินทางมาถึงวัดธรรมกายในวันที่ 6 มิ.ย. กลับมีคำสั่งให้เดินทางไปที่สวนสัตว์ดุสิต ซึ่งตนได้รับคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ในจังหวัดแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีใครทราบมาก่อนว่าจะต้องไปรวมกลุ่มกับคนเสื้อแดง ทุกคนถูกเกณฑ์มาจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 16 แห่งทั่วประเทศ ให้ส่งคนไปที่วัดพระธรรมกาย แต่สุดท้ายกลับให้เดินทางมาที่สวนสัตว์ดุสิต
ทั้งนี้ เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการออกคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เหมาะสม โดยใช้บุคลากรของรัฐทำนอกหน้าที่ และใช้เวลาราชการกระทำการอันไม่เกิดประโยชน์แก่รัฐ ถือเป็นการสั่งการให้ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ และเป็นการสั่งการให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อแสวงประโยชน์ในทางการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงจากการใช้อำนาจทางการเมืองที่อาจมีข้าราชการการเมืองระดับสูงที่มีอำนาจสั่งการเหนือข้าราชการเหล่านี้เข้าไปเกี่ยวข้อง
ส.ส.ระยอง ยังชี้พิรุธการออกบันทึกข้อความของนายดำรงค์ พิเดช ในหลายจุด ตั้งแต่มีการทำคำสั่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ ในวันที่ 5 มิ.ย. ทั้งที่โครงการจะมีขึ้นในวันที่ 7-16 มิ.ย. ซึ่งโดยปกติแล้วราชการจะไม่ทำเรื่องกระชั้นชิดเช่นนี้ เพราะแต่ละโครงการจะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า แต่กรณีนี้กลับดูฉุกละหุกในทุกเรื่อง รวมถึงการลาไปราชการสหรัฐอเมริกาและแคนาดาของนายดำรงค์ ที่ลงวันที่ลาไว้ในวันที่ 5-16 มิ.ย. แต่ยื่นใบลาในวันที่ 5 มิ.ย. นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องการมอบบุคคลให้รักษาราชการแทนในวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งนายดำรงค์ก็ยังคงทำหน้าที่อธิบดีอยู่ ทำให้ในวันดังกล่าวมีผู้ทำหน้าที่อธิบดีถึง 2 คน และยังปรากฏว่ามีการใช้อำนาจในฐานะอธิบดีทั้ง 2 คนด้วย
“นายดำรงค์ลงนามทั้งการดำเนินโครงการนี้ คำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบโครงการ บันทึกข้อความลาราชการไปต่างประเทศ ในขณะที่นายวันชัย วิรานันท์ ผู้อำนวยการสำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ ก็มีการลงนามในคำสั่งทางราชการในฐานะรักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ ในวันที่ 5 มิ.ย. 55 ทำให้ในวันดังกล่าวมีผู้ทำหน้าที่อธิบดีกรมอุทยานฯ ถึง 2 คน
ที่สำคัญคือ ในหนังสือมอบให้ผู้รักษาราชการแทนนั้น กำหนดให้นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมอุทยานฯ รักษาราชการแทนอธิบดี ในวันที่ 5-10 มิ.ย. และให้นายวันชัย รักษาราชการแทนอธิบดีในวันที่ 11-13 มิ.ย. แต่นายวันชัยกลับใช้อำนาจในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีในวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของนายเริงชัย เหตุใดการบริหารภายในองค์กรจึงมีความสับสนและผิดปกติอย่างมากจากโครงการจริยธรรมครั้งนี้ เป็นเพราะมีความเร่งรีบจนเกิดความผิดพลาดหรือไม่” นายสาธิตกล่าว
ด้าน นายนริศกล่าวว่า จะตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะเท่าที่ทราบมิได้มีเพียงกรมอุทยานฯ เท่านั้นที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีการระดมเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมป่าไม้เข้าร่วมด้วย โดยมีการอ้างโครงการจริยธรรมมาบังหน้า และมีการใช้งบประมาณด้วย ซึ่งหากพบว่ามีการนำโครงการที่ใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับรัฐบาลก็ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และจะได้ขอให้ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบที่มาที่ไปของโครงการ รวมถึงงบประมาณที่นำมาใช้จ่ายด้วย นอกจากนี้จะได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงสิ่่งที่เกิดขึ้นด้วย โดยผู้ที่ต้องให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ คือ นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ นายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ในฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการฝึกอบรม
