“นิวัฒน์ธำรง” เตรียมเชิญคนนอกร่วมตรวจสอบคอร์รัปชันภาครัฐ แต่ขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจจะเอาใคร พร้อมเร่ง 150 หน่วยงานเสนอแผนภายใน มิ.ย.นี้ ก่อนประเมินทุก 3 เดือน
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการบรรจุเรื่องการปราบปรามคอร์รัปชันให้เป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ และต้องให้ทางคณะกรรมการมาพิจารณาว่าเป็นโครงการที่ดีและเหมาะสมหรือไม่ ให้เสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยคณะกรรมการที่ดูเรื่องนี้จะมีการเชิญคนนอกมาเป็นคณะกรรมการด้วย ซึ่งขณะนี้กำลังเชิญอยู่ แต่จะได้ใครบ้างยังไม่สามารถบอกได้เพราะยังไม่ได้ตอบตกลง
สำหรับเรื่องระเบียบการทำงานนั้นจะไปดูว่าในแต่ละองค์กรมีระบบการทำงานตรงไหนบ้างที่อาจทำให้เกิดการทุจริตได้ง่าย เพื่อทำโครงการมาเสนอว่าจะปรับปรุงอย่างไร จะปรับปรุงด้วยวิธีการทำงาน ด้วยกฎหมาย หรือนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีมาใช้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระทรวงหรือหน่วยงานไหนเป็นต้นแบบหรือไม่ รัฐมนตรีประจำสำนักฯ กล่าวว่าตัวอย่างเก่าๆ ก็มี เช่น กรมศุลกากร สมัยก่อนกรมศุลกากรนำเครื่องมือต่างๆไปใช้ก็ทำให้เร็วขึ้น ความเสี่ยงเรื่องการทุจริตก็น้อยลง หรือระบบทะเบียนรถยนต์ต่างๆ ก็มีการทำกัน อดีตก็เคยมีแต่ทำเพียงไม่กี่หน่วยงาน แต่ตอนนี้เราจะให้ทำทุกหน่วยงาน หน่วยราชการ ทั้งหมด 150 หน่วยงาน ซึ่งจะต้องเสนอแผนในเดือนมิถุนายนนี้ อย่างไรก็ตาม ทุกกรมต้องไปดูกว่าหน่วยงานของตัวเองมีตรงไหนที่ควรจะทำ โดยในปีนี้แต่ละหน่วยงานจะทำ 1 โครงการก่อน ทั้งหมด 150 หน่วยงาน 150 โครงการ และหลังจากนั้นก็จะต่อไปเรื่อยๆ
ส่วนจะมีกำหนดเวลาวัดผลหรือไม่นั้น รัฐมนตรีประจำสำนักฯ กล่าวว่า อยากให้แต่ละหน่วยงานทำโครงการให้เสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งถ้าหากเป็นโครงการสั้นก็อาจจะเสร็จก่อน เราก็จะมีการวัดผลทุก 3 เดือน เมื่อถามว่า เมื่อดำเนินโครงการนี้แล้วดัชนีเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นของไทยจะดีขึ้นใช่หรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ดีขึ้นแน่นอน
“ตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการประเมินเรื่องการทุจริต ซึ่งเรื่องการวัดผลนั้นเราวัดกันเองเราวัดได้อยู่ และอาจจะมีหน่วยงานภายนอกหรือองค์กรเอกชนที่คอยวัดผล”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำถึงไม่ใช้หน่วยงานของรัฐ เช่น ทบวงมหาลัยต่างๆ เข้ามาช่วยวัดผล นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่เรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ให้เร่งทำโครงการมาก่อน และมาดูเรื่องการวัดผลอีกที อย่างเช่นเรื่องน้ำตอนนี้เราก็ใช้มหาวิทยาลัยกว่า 40 สถาบันมาช่วยสอดส่องดูแลว่าโครงการไปถึงไหนอย่างไร โปร่งใสหรือไม่
