“ส.ว.มณเฑียร” จวกรัฐจับกฎหมายอื่นเป็นตัวประกัน ถามถ้าปิดสมัยประชุมจะแจงเหตุผลต่อเวลาสมัยสามัญเพื่ออะไร ด้าน “ส.ว.พรพันธุ์” เตือนรัฐระวังกลาโหมมะกันอ้างช่วยภัยพิบัติส่งทหารเข้าไทย แนะดูเข้าข่าย ม.190 หรือไม่
วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา หารือแสดงความกังวลใจฝากไปยังรัฐบาล ต่อกรณีขยายเวลาในการประชุมสามัญนิติบัญญัติ โดยรัฐบาลอ้างว่ามีจำเป็นจัดตั้งผ่านร่างกฎหมายหลายฉบับที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งในขณะนี้มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลได้เลื่อนวาระ พ.ร.บ.ที่มีความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนขึ้นมา คือ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งตนเชื่อว่าถ้าได้รับการเลื่อนขึ้นมาพิจารณาอย่างตรงไปรงมานั้นจะใช้เวลาเวลาในการพิจารณาวาระแรกประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะไม่เป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งถึงขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวและ พ.ร.บ.อื่นๆ ที่ไม่สร้างประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองกลับถูกจับตัวไว้เป็นประกัน และตนไม่แน่ใจว่าหากรัฐบาลไม่สามารถผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองและไม่สามารถพิจารณาวาระ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรัฐบาลอาจจะปิดสมัยประชุมไปก่อนหรือไม่
นายมณเฑียรกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะชี้แจงเหตุผลในการเลื่อนสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติที่ขยายออกไปถึง 2 เดือนนี้อย่างไร ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจและดำเนินการให้มีการเลื่อนร่างกฎหมายและกฎหมายอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงขึ้นมาพิจารณาโดยเร็ว
ด้าน พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในขณะนี้กำลังมีโครงการของสหรัฐอเมริกาเข้ามาในประเทศไทยถึง 2 โครงการ คือ 1. โครงการสำรวจสภาวะอวกาศ 2. โครงการมนุษยธรรมและการช่วยเหลือในกรณีภัยพิบัติ ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ดำเนินการโดยองค์กรที่แตกต่างกัน ซึ่งโครงการแรกเป็นของนาซา ส่วนโครงการที่สองเป็นของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจอยู่ว่าทั้งสองโครงการเข้ามาในประเทศไทยในเวลาที่ใกล้เคียงกันภายเดือนสิงหาคม หรือเดือนกันยายนปีนี้ ในการดำเนินการในส่วนของนาซานั้นจะมีเครื่องบินเข้ามา 4 ลำ และบุคลากรประมาณ 100 คน ใช้ระยะเวลา 2 เดือน แต่โครงการภัยพิบัติยังไม่มีรายละเอียด ซึ่งในสภาวะการเมืองที่กำลังแข่งขันกันโดยเฉพาะการแข่งขันทางแสงยานุภาพทางด้านการทหาร ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการดำเนินงาน
พญ.พรพันธุ์กล่าวต่อว่า ขอฝากไปยังรัฐบาลว่าควรกระทำเรื่องดังกล่าวให้โปร่งใสและชัดเจนโดยเร็วโดยเฉพาะเอ็มโอยูที่ได้ตกลงกันไว้และเรื่องดังกล่าวจะเข้ามาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่
