ครม.ใจป้ำไม่คิดภาษีเงินคืนจากโครงการรถคันแรก แถมให้ บ.อีเวนต์นำค่าใช้จ่ายมาหักภาษีได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ หวังบรรเทาความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่
วันที่ 5 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมได้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วย การกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับโครงการรถยนต์คันแรก โดยกำหนดให้เงินได้ไม่เกิน 100,000 บาทที่ได้รับคืนจากรัฐจากการเข้าร่วมโครงการ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมารวมกับการคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้เป็นจำนวนเท่ากับภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ที่ซื้อ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เฉพาะรถยนต์คันแรกที่ซื้อระหว่างวันที่ 16 ก.ย. 54 - 31 ธ.ค. 55 เท่านั้น กำหนดให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 55 เป็นต้นไป จากนี้จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อประกาศเป็นกฎกระทรวงต่อไป
นายภักดีหาญส์กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่กองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนในระบบ (กองทุนฯ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อเป็นการสนับสนุนการศึกษาและพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนเอกชนประเภทในระบบให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ เนื่องจากก่อนหน้านี้จากการดำเนินการตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 ที่กำหนดให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิภาระผูกพันทั้งปวง เงินและรายได้ของกิจการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาการศึกษาโรงเรียนเอกชนให้เป็นของกองทุนฯ แต่กองทุนฯไม่ได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ
นายภักดีหาญส์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการค้า บริการ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อเป็นการฟื้นฟูสถานการณ์ภายหลังการประสบเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 โดยบริษัทห้างร้านสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดงานตามที่หลักเกณฑ์ที่กำหนดระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 55 มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้จำนวนร้อยละ 100
นายภักดีหาญส์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้อนุมัติค่าใช้จ่ายการระบายข้าวเปลือกหลุดจำนำยุ้งฉางเป็นค่าขนย้ายข้าวเปลือกจากยุ้งฉางเกษตรกรถึงจุดรับมอบข้าวเปลือกให้เกษตรกรตามที่จ่ายจริงไม่เกินตันละ 300 บาท ปริมาณการรับจำนำ 176,910 ตัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 53 ล้านบาทเศษ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ไว้แล้ว
