“พล.ต.จำลอง” ย้ำ พันธมิตรฯ จับตา พ.ร.บ.ปรองดอง ใกล้ชิด เชื่อ ส.ส.“เพื่อแม้ว” ไม่ยอมหยุดแน่ ยันเข้าวาระอีกเมื่อไหร่ นัดชุมนุมต้านทันที ยึดทำเลสะพานมัฆวานฯ ฝั่งติดทำเนียบ เป็นจุดนัดพบ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “เพื่อชาติและราชบัลลังก์” ทางเอเอสทีวี ช่วงเวลา 18.00-19.00 น.วันนี้ (2 มิ.ย.) ถึงการปรับแผนการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพื่อต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติว่า เราพิจารณาตามสถานการณ์ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน การปฏิบัติของเราก็เปลี่ยน ล่าสุด เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งเอสเอ็มเอสแจ้งไปยังสมาชิกรัฐสภา เลื่อนการประชุมสภาในวันที่ 5, 6 และ 7 มิ.ย.นี้ออกไปไม่มีกำหนด จากเดิมที่เรานัดกันไว้ในวันที่ 5 มิ.ย.เวลา 15.00 น.ที่ถนนราชดำเนินนอก เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เราจึงประชุมแกนนำทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ในเวลา 11.00 น.วันนี้ และผลการประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า เราขอให้ประชาชนที่อยากมาช่วยเราหยุดกฎหมายทำลายชาติให้ได้นั้น ของดการชุมนุมไว้ก่อน เพราะถ้าไปชุมนุมก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากไม่มีการประชุมสภา ส่วนจะมีชุมนุมอีกเมื่อไหร่นั้น ขอให้ติดตามอย่างกระชั้นชิด หากถึงเวลาชุมนุมเมื่อไหร่จะบอกให้ทราบอีกครั้ง
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า หากมีการประชุมสภาเมื่อไหร่เราจะไปขอร้องให้หยุดการเสนอกฎหมายทำลายชาติ วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา เราไปขัดขวางได้สำเร็จ เขาก็เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 6-7 แล้วเขาก็เลื่อนอีก ถ้าเรามาชุมนุมก็จะเสียเวลาเปล่าๆ เราก็เลยต้องเลื่อน และการเสนอกฎหมายครั้งนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลด้วย เพราะรัฐบาลคุมเสียงข้างมากในสภา สามารถสั่งให้ ส.ส.หยุดได้ เพราะฉะนั้นที่เรานัดชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะ อยู่ไม่ไกลรัฐสภาและอยู่ติดกับทำเนียบรัฐบาล หากมีอะไรต้องเรียกร้องรัฐบาลก็ทำได้ง่าย
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า วันที่มีการชุมนุมหน้ารัฐสภาพี่น้องมากันจำนวนมาก ตนเคยเป็นสมาชิกรัฐสภายังไม่เคยเห็นครั้งไหนที่คนมาหน้ารัฐสภามากขนาดนี้ ทั้งที่เราถูกปรามาสไว้ว่าคนจะมาน้อย ทั้งนี้ เพราะเขาทำผิดไว้หลายเรื่อง ทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกเลิกฉบับเดิม แล้วเขียนใหม่ตามใจชอบ ออกกฎหมายปรองดองที่เป็นกฎหมายทำลายชาติและช่วยคนที่ทำผิด ถ้ากฎหมายทำลายชาติฉบับนี้ผ่าน ชาติพังแน่นอน เพราะใครทำผิดไว้ยกเลิกหมด แม้แต่คนที่ทำผิดคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ติดคุกอยู่ก็ออกมาได้ ที่กำลังติดก็ไม่ต้องติด ยกเลิกคดีทั้งหมด เพราะฉะนั้นพวกเราที่มีหน้าที่ปกป้องชาติและราชบัลลังก์จึงออกมากันมาก และพี่น้องพันธมิตรฯ แต่ละคนมีความเด็ดเดี่ยวเหนียวแน่นและมีวินัยชุมนุมอย่างสันติ เชื่อฟังแกนนำทุกอย่าง
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า แม้จะมีการเลื่อนชุมนุมออกไป ไม่ได้หมายความว่าการชุมนุมจะจบ แต่เป็นการเลื่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ และให้พี่น้องเตรียมพร้อม เผื่อสัปดาห์หน้าเขาเอากฎหมายทำลายชาติมาพิจารณาอีกครั้ง เราจะเรียกชุมนุมทันที ส่วนสถานที่ไม่เปลี่ยนแปลง คือถนนราชดำเนิน เชิงสะพานมัฆวาน ฝั่งที่ติดทำเนียบรัฐบาล ยังจะเป็นจุดนัดพบ
พล.ต.จำลอง ย้ำว่า กฎหมายปรองดอง แท้ที่จริงคือ กฎหมายทำลายชาติ เป็นกฎหมายแห่งการทะเลาะวิวาท เพราะยังไม่ผ่านสภาสักวาระก็ทะเลาะวิวาทกันแล้ว ถ้าผ่านสภาออกไปจะเกิดเรื่องร้ายแรงยิ่งกว่านี้ นายกฯ ควรจะสั่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้หยุด ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเสียหายแน่ ตนไม่เคยเห็นว่ามีครั้งไหนที่เกิดวิกฤติแล้วสภาแก้ปัญหาได้ มีแต่สร้างปัญหา และยังจะพยายามผลักดันกฎหมายนี้ให้ผ่านสภาฯให้ได้ เพราะฉะนั้นการชุมนุมหน้ารัฐสภาจึงไม่พอ จะต้องกดดันรัฐบาลด้วย เราจึงมาชุมนุมใกล้ๆ ทำเนียบรัฐบาล
“นักข่าวถามตลอดว่า เราจะบุกสภาฯไหม บุกทำเนียบไหม จะดาวกระจายไปกดดันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกกฎหมายไหม เราทำมาแล้ว และอยู่ในวิถีที่เราทำได้ แต่พันธมิตรฯ เราทำด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่นึกอยากจะทำก็ทำ อย่างวันแรก (30 พ.ค.) ถ้าเราไปชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาล มันจะได้ผลอะไร เพราะเขาประชุมกันอยู่ที่สภา เราจึงกำหนดสถานที่ชุมนุมให้เหมาะสมที่สุด” พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า เป้าหมายของพันธมิตรฯ ขณะนี้ คือ การหยุดยั้งกฎหมายทำลายชาติให้ได้ก่อน เราทำทีละขั้นตอน เพราะถ้าทำหลายขั้นตอนทีเดียวมันลำบาก ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมแล้วร่างใหม่ตามใจพวกเขานั้น เราคัดค้านมาแต่แรกแล้ว พี่น้องเราเคยไปรวมตัวที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เพื่อยื่นหนังสือให้อัยการสูงสุดส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้คือการล้มล้างการปกครองหรือไม่ น่าดีใจว่าศาลรัฐธรรมนูญประกาศออกมาแล้วให้สภารอก่อน ที่ฝันว่าจะผ่านวาระที่ 3 ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ก็เลื่อนออกไป
พล.ต.จำลอง กล่าวในตอนท้ายว่า อยากให้พี่น้องรอดูสถานการณ์ เพราะเขายังไม่หยุด ยังเดินหน้าไปเรื่อยๆ เรายังไม่ชนะ เพียงแต่เขาพลาดพลั้งไปบ้าง เพราะไม่คาดคิดว่าเราจะออกมาชุมนุมกันมาก และไม่คาดคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้รอไว้ก่อน