"ปานเทพ" เชื่อ "แม้ว" หวนกลับใช้เสื้อแดง หลังแทรกแซงศาลรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ "พิชาย" หวั่น "ทักษิณ" คลั่ง เดินเกมแตกหัก ชวนประชาชนทุกกลุ่ม ร่วมกับ พธม.ในช่วงเวลาแหลมคม พร้อมชี้หากศาลวินิจฉัยว่าแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการล้มล้างระบอบการปกครอง เพื่อไทยถูกยุบ คนร่วมเสนอถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี และอาจถูกฟ้องในฐานกบฎด้วย
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายปานเทพ กล่าวถึงเหตุการณ์การชุมนุมที่กลุ่มเสื้อหลากสีถูกตำรวจล้อม ว่า เมื่อเช้าพอตนเห็นกลุ่มหมอตุลย์ถูกแวดล้อมไปด้วยตำรวจ ก็ทิ้งไม่ได้จริงๆ แม้ความเห็นต่างกัน ต้องบอกประชาธิปัตย์ใจดำเกินไป มีมวลชนมาให้หมอตุลย์น้อยมาก แกนนำพันธมิตรฯเลยต้องมีการช่วยเหลือ โดยนำมวลชนไปแจกน้ำให้ตำรวจก็สามารถปิดการจราจรสี่แยกการเรือนได้ทันที เพราะมวลชนเยอะก็เลยปิดได้โดยอัตโนมัติ ก็ต้องชมหมอตุลย์ แม้คนน้อยก็ยังยืนหยัด
จนกระทั่งเวลาประมาณ 11 โมง เราก็คิดกันว่าจะกลับหรือไม่ เพราะถ้ากลับพวกส.ส.ก็จะมาใหม่ แต่ก็ได้ตัดสินใจกลับ พอได้ข่าวว่าจะเปิดประชุมสภาตอนบ่าย เราก็สามารถปิดทางเข้าสภาได้ทันที อันนี้มีคุณค่า เพราะแสดงให้เห็นว่าเราสามารถนั่งสบายๆ แต่พอเป่านกหวีดคนก็สามารถมาได้เพียบ
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า วันที่ 5 มิ.ย. นี้ เลือกปักหลักที่สะพานมัฆวานฯแทนที่จะเป็นสภา เพราะเห็นแล้วเราสามารถกระจายกำลังได้เร็ว แถมยังใกล้ทำเนียบและสภาด้วย ซึ่งจะมีการประชุมสภา เช้าวันที่ 6 มิ.ย. ดูว่าจะทำอย่างไร
ส่วนข่าวที่เสื้อแดงจะขนคนมา เรียนได้เลยเกมจบเร็วทันที คนเป็นแกนนำมวลชนจะคิดออกเลยว่าเมื่อไหร่ปะทะ วาทกรรมปรองดองทลายทันที
นายปานเทพ ยังกล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยล้มร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แค่รับเรื่องและให้ชะลอ เปลี่ยนแผนใหม่หมดเลย เพราะถ้าปล่อยให้ลงประชามติเสียงเพื่อไทยก็ชนะขาด ถ้าผ่านวาระ 3 ไปได้ ปัญหาเยอะ เพราะนอกจากยื่นศาลรัฐธรรมนูญ อีกด้านหนึ่งเขาก็ยื่นองคมนตรีเพื่อทูลเกล้าฯ ก็จะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท โดยคาดว่าเพื่อไทยอาจแก้ปัญหาด้วยการใช้วิธีแก้เป็นรายมาตรา
อีกด้านพ.ร.บ.ปรองดอง ขัดรัฐธรรมนูญ 50 ถ้าเขาไม่มั่นใจก็จะแก้รัฐธรรมนูญให้สอดรับพ.ร.บ.ปรองดอง ทำสองอย่างควบคู่กัน แต่เมื่อถูกพิจารณาให้ชะงัก เกมมันพลิก ทั้งการกระชับอำนาจ และการล้างความผิดตัวเอง
ซึ่งน่าจะทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองกลับ จากเดิมที่พ.ต.ท.ทักษิณถีบหัวเรือเสื้อแดงไปแล้ว อาจต้องมาพึ่งหัวเรือแดง น่าจะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณคิดวู่วามมากกว่าเดิม เพื่อให้ตัวเองกลับมา นั่นก็คือการใช้เสื้อแดงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็คงมีบางส่วนยอมให้ถูกใช้เหมือนเดิม
ด้านรศ.ดร.พิชาย กล่าวว่า ต้องชื่นชมแกนนำและพี่น้องพันธมิตรฯมาก ที่ยังเข้มแข็ง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณเขาประเมินพลังฝ่ายต่อต้านต่ำไป ก็เลยทำให้เสนอพ.ร.บ.ปรองดองแบบขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน เพราะรู้ว่ากุมสภาพศาลรัฐธรรมนูญได้
ทีนี้พอประชุมสภาไม่ได้ ตอนเย็นเจอศาลรับพิจารณาการแก้รัฐธรรมนูญอีก คิดว่าคงต้องแก้เกม ต้องประเมินใหม่ รวมทั้งมวลชนด้วย 3 วันที่ผ่านมา เห็นว่าคนต้านพ.ต.ท.ทักษิณมีมหาศาล และพลังพันธมิตรฯก็ยังเป็นพลังหลัก ที่สั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน
รศ.ดร.พิชาย กล่าวต่อว่า ประชาธิปัตย์เป็นมวลชนเลือกตั้ง ไม่ใช่มวลชนที่จะออกมาชุมนุม จึงมีธรรมชาติที่ต่างกัน เมื่อระดมพลเลยมาน้อย ถ้าจะให้มามาก มีวิธีเดียว คือทำแบบส.ส.เพื่อไทยจัดการกับเสื้อแดง คนที่จะทำได้ก็คือ นายสุเทพแล้วก็ส.ส.ในภาคใต้ เพราะคนเหล่านี้มีเครือข่ายหัวคะแนน ให้ขนคนเข้ามา แล้วถ้ามีประเด็นแหลมคมก็จะเปลี่ยนความคิด จากจัดตั้งก็ไม่ต้องจัดตั้งแล้ว พวกเขาก็จะมาเอง
แล้วถ้าจัดตั้งมวลชนแล้ว ปัญหาใครจะมาคุมมวลชน ซึ่งถ้าตั้งมวลชนแล้ว แต่ไม่มีแกนนำ จะมีความเสี่ยง ตนเห็นว่าถ้าเคลื่อนไหวช่วงเวลาที่แหลมคม จะมาในนามอะไรก็แล้วแต่ น่าจะมาร่วมกับพันธมิตรฯ แต่เวลาอื่นจะเคลื่อนไหวแยกก็ไม่เป็นไร เพราะเกมนี้ยังอีกยาว แล้วถ้ามีเสื้อแดงมาปะทะ ปัญหาจะยิ่งบานปลาย
ตนมองว่าการติดกับดักวาทกรรมปรองดอง แต่ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าตาจนจริงๆก็อาจทำรุนแรงได้ ได้ข่าวว่าเขาโกรธมาก โทรไปด่าส.ส.ใหญ่เลย ทำให้ส.ส.ก็ไม่พอใจที่ด่าเขาเหมือนทาส ถ้าข่าวนี้จริงตอนนี้พ.ต.ท.ทักษิณ คงกำลังโกรธมาก ก็อาจที่ทำอะไรแตกหักไปเลยได้เหมือนกัน แต่ถ้าตัดสินใจแบบนั้นรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ แต่เขาอาจจะปั่นความรุนแรงเพื่อคาดหวังในเรื่องอื่น
รศ.ดร.พิชาย กล่าวด้วยว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้รัฐธรรมนูญอันนี้ เป็นการล้มล้างระบอบการปกครอง คาดว่าผลน่าจะออกช่วงก.ค. - ส.ค. ผลกระทบจะมหาศาล พรรคเพื่อไทยก็จะถูกยุบ คนที่ยื่น 400 กว่าคนจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี และอาจถูกฟ้องในฐานกบฎได้ด้วย
