อดีตประธาน คมช.เข้าสภาตั้งแต่เที่ยงรอประชุมสภาช่วงบ่าย ก่อนซุกรถตราโล่ ถอดสูทใส่แว่นดำ พร้อม ส.ส.เพื่อไทย ชิ่งออกสภา สื่อแอบเห็นเอามือปิดหน้าหนีแจ้นขึ้นรถ ด้าน “หมอตุลย์” สั่งหลากสีแยกย้าย หลังรู้เลื่อนประชุมปรองดอง นัดใหม่ 5 มิ.ย.นี้
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่รัฐสภา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคมาตุภูมิ ได้เดินทางเข้ามายังภายในอาคารรัฐสภา ตั้งแต่ช่วงเที่ยงเพื่อเตรียมร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ในช่วงเวลา 13.30 น. ตามที่มีการเลื่อนเวลาในช่วงนั้น โดย พล.อ.สนธิเดินทางมากับ พ.ต.อานันท์ วัชโรทัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจอารักขาจำนวนหนึ่ง และเข้าทางประตูปราสาทเทวริทธิ์ หรือประตู 3 ของรัฐสภา ซึ่งเป็นด้านที่มวลชนพันธมิตรฯ และกลุ่มเสื้อหลากสีปิดล้อมอยู่ ซึ่งคาดว่า พล.อ.สนธิได้อาศัยรถตำรวจผ่านเข้ามาทางแยกการเรือน ก่อนเดินเท้าเข้าสู่รัฐสภา และพักอยู่ในห้องรับรองของรัฐมนตรี ที่อาคารรัฐสภา 3 ตลอด
ต่อมาเมื่อเวลา 15.15 น. ซึ่งมีความชัดเจนว่า ต้องเลื่อนวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ออกไปสัปดาห์หน้า พล.อ.สนธิจึงได้เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา โดยอาศัยรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สีน้ำเงิน ทะเบียนตราโล่ 04734 มีสติกเกอร์ “ปิดท้ายขบวน” พร้อมกับ พ.ต.อานันท์ วัชโรทัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม
ทั้งนี้ ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ เมื่อพบกลุ่มสื่อมวลชน พล.อ.สนธิ ที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า ไม่สวมสูท ได้ใช้มือซ้ายขึ้นมาบิดบังใบหน้าที่ใส่แว่นตาดำ เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนจำได้ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปสัมภาษณ์ พล.อ.สนธิก็รีบขึ้นรถแล้วออกจากรัฐสภาไปทันที
ขณะที่สี่แยกการเรือน เมื่อเวลา 16.00 น. นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มหลากเสื้อสีประกาศยุติการชุมนุมชั่วคราวบริเวณแยกการเรือน ถนนนครราชสีมา หลังทราบผลการเลื่อนการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรองดองไป จึงมีการนัดหมายชุมนุมอีกครั้งในวันอังคารที่ 5 มิถุนายนในเวลา 06.00 น.บริเวณแยกการเรือนอีกครั้ง ส่งผลให้การจราจรบริเวณแยกการเรือนเปิดการจราจรตามปกติ ซึ่งรถจากถนนนครราชสีมาขาออกสามารถมุ่งหน้าไปถนนสุโขทัยได้และสามารถเลี้ยวซ้ายออกสะพานกรุงธนได้ ฝั่งกลับกันก็สามารถเคลื่อนตัวได้แต่ยังไม่สามารถเลี้ยวไปตามถนนราชวิถีมุ่งหน้าอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิยังไม่ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเอาแผงเหล็กกั้นและมียังมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบางยังคงประจำยังจุดดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งยังไม่มีการถอนกำลังแต่อย่างใด