โฆษก ปชป.เตือน “ปู” หนูไม่รู้ อย่าทำไขสือ โยนสภารับผิดชอบ พ.ร.บ.ปรองดอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำเพื่อคนคนเดียว ยันต้องแสดงภาวะผู้นำ แนะให้ลาออกก่อนนำชาติเข้าสู่วิกฤตอีกรอบ วอนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ออกมาหยุดกระบวนการก่อนขัดแย้งบานปลาย
วันนี้ (27 พ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พ.ร.บ.ปรองดองในพรรคเพื่อไทยก็ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ แต่คิดว่าคนที่มีอำนาจตัดสินใจ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะต้องมีความพยายามเดินหน้าเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด จึงอยากเตือนไปยังพรรคเพื่อไทย และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งที่เป็นนายกฯ เรื่องนี้เป็นใหญ่ของประเทศ และสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และอาจรุนแรงกว่าที่ผ่านๆ มาในอดีต ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่พร้อมที่จะเป็นนายกฯ ในขณะที่ประเทศกำลังจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรพิจารณาตัวเอง และขอเรียกร้องไปยังผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยที่ยังพอมีอุดมการณ์เหลืออยู่บ้าง โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ที่อาจเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าและมีแนวคิดที่ถูกต้องกับประเทศไทย และหลายคนในบ้านเลขที่ 111 ตนยังหวังพึ่งว่าจะหยุดยั้งกระบวนการที่จะนำมาซึ่งความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่ง นายชวนนท์กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรก็ประกาศแล้วว่าจะมีการชุมนุมกันในวันที่ 30 พ.ค.นี้ จึงอยากให้รัฐบาลได้ตระหนักไม่อยากให้ดูถูกพลังมวลชน เพราะขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่หลากหลายกลุ่มกำลังจะทนไม่ได้กับเหตุการณ์ที่กำลังจะมีการละเมิดหลักนิติธรรม นิติรัฐ และออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว และไม่ต้องมาปฏิเสธว่ากฎหมายนี้ไม่ได้ทำเพื่อคนคนเดียว เพราะทุกคนทราบดีว่าทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดงที่ต้องการข้อเท็จจริง ความยุติธรรม ต้องการล้มเลิกระบบสองมาตรฐาน ต้องการเลิกขบวนการที่เรียกว่าอำมาตย์ ไพร่ ไม่มีจริงอยู่ใน พ.ร.บ.ดังกล่าว
“สิ่งที่นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าเรื่องคืนทรัพย์สินยังไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร คิดว่านายนพดลต้องกล้าพูด เป็นลูกผู้ชายอายุมากแล้ว อ่านกฎหมายเก่งกว่าผม เพราะผมดูกฎหมายง่ายๆ ก็ดูออกแล้วว่าการลบล้างผลของ คตส.ทั้งหมดก็แปลว่าคดีความต่างๆ รวมทั้งเรื่องการยึดทรัพย์ต้องเป็นโมฆะด้วย ซึ่งการพ้นผิดและได้เงินคืน เป็นสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะได้รับสิ่งนี้ รวมทั้งสิ่งที่นายนพดลระบุว่าเป็นเพียงการล้มด้วยกระบวนการของ คตส.แต่จะมีการนับหนึ่งใหม่ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่เห็นเขียนไว้ใน พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว และหาก พ.ร.บ.นี้ใช้ได้ตำรวจหน้าไหนจะกล้าดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณวันที่กลับมาอยู่ในประเทศไทย” นายชวนนท์กล่าว
