xs
xsm
sm
md
lg

“สุวัจน์” ลั่นพร้อมรับทุกตำแหน่ง - ย้ำ 111 จะเร่งเชื่อม “ปรองดอง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ (สูทฟ้า) อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ขณะเดินทางไปรับเลดี้ กาก้านักร้องชื่อดัง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา
“สุวัจน์” ยัน 5 ปี บ้านเลขที่ 111 ถูกตัดสิทธิทางการเมืองทำ “พรรคการเมือง-รัฐบาล-สภาฯ” อ่อนแอหนัก อ้างคน 111 เก่ง-มีบารมี ต้องเร่งเข้ามากอบกู้บ้านเมือง โดยเฉพาะบทบาทในการเชื่อมเวทีปรองดองอย่างไม่เป็นทางการ ประกาศพร้อมรับทุกตำแหน่ง

ท่ามกลางการจับตามองของสังคมว่า การเป็นอิสระจากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน หรือกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ในวันที่ 30 พ.ค.นี้จะเป็นอย่างไร จะมีบทบาทต่อเติม หรือสร้างความแตกแยกให้ประเทศไทยอย่างไร นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวในงานสัมมนา “พลวัตทางการเมืองหลัง 111 คืนชีพ” เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดโดยหลักสูตรผู้บริหารการสื่อมวลชนระดับกลาง (บสก.) รุ่นที่ 3 โดยเชื่อว่าการกลับมาของบ้านเลขที่ 111 นั้นจะมีประโยชน์ต่อระบอบเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองในประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะระบบการเมือง พรรคการเมือง และสภาฯ จะมีความเข้มแข็งมากขึ้น

นายสุวัจน์กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่มาของการตัดสิทธิทางการเมืองของคนบ้านเลขที่ 111 นั้นแต่เดิมกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญระบุถึงการยุบพรรคการเมือง โดยกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบ จะมีข้อห้ามแค่ห้ามตั้งพรรคการเมือง ห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรค ห้ามเป็นรัฐมนตรี ห้ามลงสมัคร ส.ส. แต่ไม่ได้ตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี การตัดสิทธิทางการเมืองนั้นเกิดขึ้นเพราะคำสั่งคณะปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ฉบับที่ 27 ที่เพิ่มเรื่องของการตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีเข้าไป ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับหนึ่ง ทำให้การตัดสินคดีในครั้งนั้นต้องเอากฎหมายใหม่มาตัดสินด้วย เป็นที่มาของการที่บ้านเลขที่ 111

สิ่งสำคัญคือบ้านเลขที่ 111 นั้น ถ้านับอาวุโสทางการเมืองแล้ว ถือเป็นนักการเมืองรุ่นที่ 2 ที่สำคัญของประเทศ หลังจากรุ่นที่ 1 จะเป็นระดับอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช, อาจารย์เสนีย์ ปราโมช, ชาติชาย ชุณหะวัณ, พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร, ชวน หลีกภัย, บรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งรุ่นที่ 2 นั้นจะเป็นคนที่มีอายุประมาณ 40-50 ปี เคยเป็น ส.ส.มาแล้ว 5-6 สมัย เป็นรัฐมนตรีมาแล้ว 5-6 กระทรวง ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทางการเมือง มีบารมี และการบริหารกิจการบ้านเมือง

เมื่อกลุ่มนักการเมืองรุ่นที่ 2 ของประเทศไทยส่วนใหญ่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง การเมืองไทยจึงมีปัญหาใน 3 ส่วนสำคัญ คือ พรรคการเมือง รัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร ที่อ่อนแอลงและขาดเสถียรภาพอย่างเห็นได้ชัด

ในส่วนของพรรคการเมือง เมื่อบ้านเลขที่ 111 ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ทำให้ในพรรคการเมืองเกิดปรากฏการณ์ใหม่ คือไม่มีใครอยากเป็นกรรมการบริหารพรรคอีก ทั้งๆ ที่แต่เดิมนั้นจะมีคนที่อยากเข้ามาเป็น และมีกระบวนการคัดเลือกคนที่จะมาเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่เข้มข้น

“ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ต้องให้คนใหม่หรือคนที่ไม่ใช่นักการเมืองอาวุโสมาเป็นกรรมการบริหารพรรคแทน มาควบคุมพรรคการเมือง พรรคการเมืองแทนที่จะแข็งแกร่งทั้งๆ ที่เป็นพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่กลายเป็นการทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอที่สุด เพราะนักการเมืองกลัวถูกยุบพรรค กลัวถูกตัดสิทธิทางการเมือง นักการเมืองส่วนหนึ่งอยู่ในรัฐบาล ส่วนหนึ่งอยู่ในฝ่ายค้าน ก็ไม่มีใครกล้าเป็นกรรมการบริหารพรรค ถือว่าการบั่นทอนพรรคการเมืองอย่างนี้ ก็คือการบั่นทอนระบอบประชาธิปไตยไทยด้วย”

นอมินีขาดประสบการณ์-อาวุโส

นายสุวัจน์กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ หลังจากคนที่มีประสบการณ์ทางการเมืองต้องไปอยู่เบื้องหลังทางการเมือง ก็เกิดปรากฏการณ์รัฐมนตรีตัวจริงอยู่ข้างหลัง คนใกล้ตัวอยู่ข้างหน้าการดำรงตำแหน่งสำคัญมีแต่คนใกล้ชิดมาเป็นแทน หรือเรียกว่านอมินี

“การมีนอมินี ที่ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ ขาดอาวุโสทางการเมือง มารับภาระในการบริหารบ้านเมืองแทน คนบ้านเลขที่ 111 อยากเป็นรัฐมนตรี แต่เป็นไม่ได้ ก็ต้องให้คนใหม่ หรือคนที่มีพรรษาทางการเมืองน้อยมาเป็นแทน ภาพรัฐบาลที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลไม่ใช่ตัวจริง ก็มีผลลบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล”

ทั้งนี้ หากคนที่มีอาวุโสทางการเมืองตัวจริงจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ที่สำคัญจะได้รับการยอมรับจากทั้งนักการเมือง ประชาชน และข้าราชการ การขับเคลื่อนงานบริหารประเทศก็จะเดินหน้าไปได้

ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรก็เช่นกัน งานในสภาฯ สำคัญมากในภาวะที่บ้านเมืองมีวิกฤต เพราะสภาฯ จะมีหน้าที่สำคัญในการเสนอทางออกให้กับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเมือง ปัญหาน้ำท่วม ฯลฯ แต่ที่ผ่านมากลับพบว่า ในสภาฯ มีแต่การเล่นเกมทางการเมือง ส.ส.ทะเลาะกัน ไม่เหมือนสภาฯ รุ่นก่อนที่สภาฯ จะมีประสิทธิภาพอย่างมาก และส.ส.มีความเป็นผู้ใหญ่ สภาฯ ยุคนี้จึงถือว่ามีความอ่อนแอมากเช่นกัน

ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าการที่บ้านเลขที่ 111 กลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีข้อดีอย่างมากที่จะทำให้ระบอบการเมืองของไทยกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ทั้ง 3 ส่วน คือ พรรคการเมือง รัฐบาล และสภาฯ โดยเฉพาะภาพของรัฐบาลจะแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะภาพของต่างประเทศที่จะมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของรัฐบาลไทยมากขึ้นอย่างมาก

“สมมติถ้ามีการปรับ ครม.เกิดขึ้น แล้วมีการเชิญคนบ้านเลขที่ 111 เข้าไป ยังไงรัฐบาลก็ดีกว่าตอนนี้” นายสุวัจน์กล่าว

ประกาศพร้อมเข้ารับทุกตำแหน่ง

นายสุวัจน์กล่าวอีกว่า บทบาท 3 อย่างที่อยากเห็น คนบ้านเลขที่ 111 เข้ามาทำงานหลังถูกตัดสิทธินั้น ประกอบด้วยบทบาททางเศรษฐกิจ บทบาทการปรองดอง และบทบาททางสังคม โดยบทบาททางเศรษฐกิจนั้น คนบ้านเลขที่ 111 ที่มีประสบการณ์สูงจะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาทั้งกรณีเศรษฐกิจโลกตกต่ำ รัฐบาลไทยขาดความเชื่อมั่น และปัญหาน้ำท่วมได้ดี ขณะที่บทบาทการปรองดองนั้น คนบ้านเลขที่ 111 จะสามารถมีบทบาทสำคัญในการพูดคุยกับคนกลุ่มต่างๆ เพื่อลดความขัดแย้งได้ดี เพราะมีบารมี มีประสบการณ์ และรู้จักคนหลายกลุ่ม จะช่วยลดความขัดแย้งได้ ส่วนด้านสังคม บ้านเลขที่ 111 สามารถนำงานที่ทำอยู่ใน 5 ปีที่ผ่านมามาเดินหน้าได้ โดยนอกจากเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยแล้ว ยังมีประโยชน์ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้เป็นอย่างดี เช่น จัดกิจกรรมใหญ่ๆ โดยเอาคนระดับโลก เช่น กีฬา และดนตรี ในประเทศไทยเป็นต้น

สำหรับตัวเองนั้น นายสุวัจน์ย้ำว่า พร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือประเทศในยามเกิดวิกฤตเช่นนี้ โดยตนมีประโยชน์จุดใดก็พร้อมทำงานทุกตำแหน่ง สำหรับการปรองดองนั้น มองว่าการแก้ปัญหานั้นต้องเดินหน้า 2 ทาง คืออย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ บทบาทในสภาฯ จะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ แต่การเจรจาอย่างไม่เป็นทางการก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่ากัน โดยย้ำว่าบทบาทของบ้านเลขที่ 111 จะสามารถมาเป็นตัวเชื่อมให้เกิดการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งที่เป็นระดับผู้ใหญ่ในสังคมไทยได้ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น