“จตุพร” อ้างเจ้าหน้าที่รายงานชัดเจน ส.ส.ปชป.อยู่เบื้องหน้าต้านก๊วนแดงภาคใต้ ทั้งเผาศาลาหมู่บ้านแดง-นำมวลชนป่วนที่ภูเก็ต ท้าสาบานถ้าไม่ได้ทำ โต้ “เทพเทือก” กล่าวหาดีเอสไอเปลี่ยนสีที่ไม่ฟ้องหมิ่นเบื้องสูง แสดงว่าสมัย ปชป.เป็นรัฐบาลสั่งได้ทุกเรื่องใช่หรือไม่ พร้อมยินดีต้อนรับสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เติมเต็มให้ พท. ส่วนการปรับ ครม.อยู่ที่ “นายกฯ ปู” ยันแก๊งแดงไม่ใช้กำลังกดดัน เพราะอยู่กับ พท.ด้วยความผูกพัน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ออกมาปฏิเสธเหตุการณ์เผาศาลาในหมู่บ้านเสื้อแดงที่ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยระบุเป็นการสร้างสถานการณ์ของคนเสื้อแดงให้กลับมาสามัคคีกันว่า ทุกคนในพื้นที่รู้หมดว่าใครเป็นคนใคร เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหน้า ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง อย่างกรณีที่มีการออกมาต่อต้านที่ จ.ภูเก็ต ตนขอท้าให้ ส.ส.ในพื้นที่พรรคประชาธิปัตย์กล้าไปสาบานต่อหน้าหลวงพ่อแช่มหรือไม่ ว่าไม่เป็นความจริง
“เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เดินทัพภาคใต้ และทำไมจึงขัดขวางไม่ให้คนเสื้อแดงไปอธิบายความในลักษณะคู่ขนาน คนใต้มีสิทธิ์รับฟังทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ การเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงพร้อมกับเชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ก็เพื่อเกิดประโยชน์กับฝ่ายรัฐ เพราะท่าประชาชนให้ความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติดรัฐก็จะได้ประโยชน์ ขณะนี้ผมรู้ว่าใครเป็นตัวการ พรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ว่าผมทราบเพราะมีกลไกคอยรายงานสถานการณ์ตลอด”
นายจตุพรกล่าวว่า ตนรู้ว่าผู้แทนในพื้นที่นำทัพอยู่ ที่ระบุว่า ส.ส.ไม่ได้อยู่เบื้องหลังจริง แต่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งตนก็ไม่โกธร แต่ที่ไม่ลงไปในพื้นที่เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดการปะทะและอาจจะทำให้ประชาชบาดเจ็บล้มตาย ส.ส.ไปยืนอยู่ตรงไหนมีตำรวจรายงานตนหมด แต่อยากถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าการที่หมู่บ้านเสื้อแดงต่อต้านยาเสพติด ต่อต้านเรื่องการซื้อเสียง พรรคประชาธิปัตย์ไปเดือดร้อนอะไรด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยากปราศรัยอยู้ฝ่ายเดียวคนอื่นไปปราศรัยบ้างไม่ได้ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการแบบนี้ หมายความว่าต้องการให้พี่น้องภาคเหนือ ภาคอีสาน ทำแบบเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือ ตนต้องไปขอร้องพี่น้องภาคเหนือและภาคอีสานว่าอย่าเลียนแบบพรรคประชาธิปัตย์ อยากจะให้คนภาคใต้ฟังพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงบ้าง อย่าฟังแต่พรรคประชาธิปัตย์อย่างเดียว
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญา สั่งไม่ฟ้องตนในคดีหมิ่น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า แสดงว่าสมัยรัฐบาลที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สามารถสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำอะไรก็ได้ใช่หรือไม่ สะท้อนให้เห็นว่าการที่นายสุเทพออกมาพูดต่อว่าดีเอสไอนั้น แสดงว่ารัฐบาลเปลี่ยน ดีเอสไอก็เปลี่ยนใช่หรือไม่ และคดีนี้ดีเอสไอก็สั่งไม่ฟ้องสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เช่นนั้นถ้าหน่วยงานอิสระจริงเขาย่อมมีสิทธิดำเนินการ และคดีที่กล่าวหาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์จากสถาบันเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น
“เรื่องผังล้มเจ้าก็ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย ใครมีความเห็นต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ยัดเยียดให้อยู่ในผังล้มเจ้า ผมเองเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 เจตนารมณ์ผมชัดเจน คือการวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ คนเหล่านี้ได้นำสถาบันมาเป็นเครื่องมือของตัวเองเพื่อมาปราบปรามประชาชน ผมไม่เห็นด้วยในฐานะพสกนิกร กลัวว่าสถาบันจะเกิดความเสียหาย เพราะฉะนั้นหลายคดีความที่ได้รับสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เป็นคดีที่มีปัญหา นายสุเทพเร่งรัดทุกคดียกเว้นคดีของตัวเอง คดีความของนายสุเทพที่ยังค้างคาอยู่ ผมก็ได้สอบถามไปทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คดีที่มีการทุจริตในการเลือกตั้ง อบจ.อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ดำเนินคดีต่อนายสุเทพ กกต.ได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว และเรื่องที่ดินเขาแพงจะว่าอย่างไร รวมทั้งคดีการสั่งฆ่าประชาชนคืบหน้าอย่างไร แล้วแบบนี้ดีเอสไอต้องไปเชื่อนายสุเทพหรือ ต้องเชื่อในพยานหลักฐานข้อเท็จจริง”
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะถูกปลดล็อกและอาจเข้ามาแย่งโควตาคณะรัฐมนตรีกับคนเสื้อแดงว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีโควตา ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยมาถึงพรรคพลังประชาชน ก็ไม่เคยมี พิจารณาตามอำนาจและดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองการกลับมาของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 อย่างไร นายจตุพรกล่าวว่า ตนมองว่าการที่บ้านเลขที่ 111 กลับมาอย่างเติมเต็ม ชะตากรรม 5 ปี ตนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรจะได้รับ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าเขาควรกลับมาสู่ถนนการเมือง ส่วนจะไปทำหน้าที่ใดนั้นก็ขึ้นอยู่ที่นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดังนั้นต้องยินดีต้อนรับกัน อย่ามองว่าการเข้าร่วมจะต้องเข้ามาหาตำแหน่งให้มองว่าจะมาเติมเต็มละสร้างความแข็งแรงให้กับพรรคเพื่อไทยจะได้ร่วมในการต่อสู้ให้บ้านเมืองนี้ได้อย่างแท้จริง
ส่วนที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ตั้งกลุ่มขึ้นมาต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายจตุพรกล่าวว่า จากการที่ดูการให้สัมภาษณ์ตนเชื่อว่าเขาไม่มีเจตนาอย่างนั้น เขามีเจตนาเพียงแค่ไว้เชื่อมประสานความเข้าใจระหว่างนักการเมืองกับคนเสื้อแดง ไม่มีวัตถุประสงค์ในการต่อรองภายในพรรค เมื่อถามต่อว่าหาน นายจุตตพรไม่ได้เป็น รมต.แต่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 เข้ามาเป็นแทน คนเสื้อแดงจะเข้าใจหรือไม่ นายจุตพรกล่าวว่า ทั้งหมดเป็นอำนาจของนายกฯ เราไม่มีสิทธิ์ตีตนไปก่อนไข้ หรือแสดงความอยากทั้งสิ้น แต่คนก็ไม่รู้ชะตากรรมอย่างตนวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.) เวลา 10.30 น. ตนต้องไปฟังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ไม่ทราบว่าผลอะไรจะเกิดขึ้น แต่ก็ทำให้รู้ว่าตนจะกำหนดสันทางอนาคตอย่างไร ทั้งนี้เมื่อประชาชนได้มอบความไว้วางใจ เราอย่ามาเถียงกันเอง ควรที่จะคิดว่าจะพาประเทศพ้นวิกฤติได้อย่างไร ประชาชนจะได้อะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า แปลว่าจะไม่มีมวลชนคนเสื้อแดงออกมากดดันรัฐบาลเพื่อต่อรองตำแหน่ง รมต.ให้กับแกนนำใช่หรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า คนเสื้อแดงร่วมต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย ทำให้เชื่อถึงความผูกพัน ซึ่งไม่ใช่ความผูกพันในเชิงผลประโยชน์ แต่ผูกพันในเชิงอุดมการณ์ที่รักษากันไว้ได้อย่างเหนียวแน่นทางความรู้สึก ทั้งหมดนี้ตนเชื่อว่าคนที่มีอำนาจอย่างนายกฯ จะเข้าใจว่าเขาอยู่ได้ด้วยความรู้สึก ไม่ได้อยู่ด้วยผลประโยชน์ คนเสื้อแดงไม่ใช่ผู้เลือกตั้งของสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่จะเป็นคนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ว่าจะคุยกันเพื่อหาทางออกกันอย่างไรใต้ร่มชายคาเดียวกัน