ที่ปรึกษา กม.แม้ว ยกย่อง “ยิ่งลักษณ์” นักบริหารมืออาชีพ เชียร์แก้ปัญหาปากท้องเดินทางมาถูกทางแล้ว หลังตระเวนเยี่ยมตลาดตรวจสอบราคาสินค้า เบรกสมาชิกพรรคหยุดทะเลาะแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี ชี้ยังไม่ถึงเวลาปรับ ครม. โบ้ย “ทักษิณ” ไม่รู้เรื่อง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจนายกฯ
วันนี้ (10 พ.ค.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการดีที่รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาปากท้องของแพง โดยที่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้า และชะลอการขึ้นราคาพลังงาน ซึ่งถือว่าเดินมาถูกทางและเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ซึ่งราคาสินค้าบางตัวถูกลง เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ แต่อาหารสำเร็จรูปบางประเภทสูงขึ้นเพราะราคาพลังงาน ในเรื่องราคาพลังงานนั้นนายกฯ ได้เร่งแก้ไขอยู่
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี นายนพดลกล่าวว่า ตนคาดว่าไม่น่าจะมีการปรับในเร็วๆ นี้ เพราะนายกฯ ต้องการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองก่อนปัญหาการเมือง ต้องเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนก่อนที่จะมาพิจารณาว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อใด ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้บริหารมืออาชีพของนายกฯ ที่เห็นถึงความสำคัญของประชาชนมาก่อนนักการเมือง
“ส่วนกรณีที่มีการให้สัมภาษณ์กระทบกระทั่งกันในพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ส่วนตัวอยากจะให้แต่ละฝ่ายใช้ความอดทนและละเว้นการแสดงความเห็นที่จะสร้างความแตกแยกผ่านสื่อฯ เพราะในขณะนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะปรับคณะรัฐมนตรี และนายกฯ จะเป็นคนกำหนดเองว่าจะปรับเมื่อใด และจะปรับใครเข้าใครออก ขณะนี้ประชาชนอยากเห็นรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยทำงานแก้ไขปัญหาปากท้องของแพงอย่างเร่งด่วน และอยากจะเห็นความเป็นเอกภาพ และความสามัคคีกันในพรรคแกนนำ เพราะฉะนั้น เราไม่ควรทำให้ประชาชนผิดหวัง” นายนพดลกล่าว
นอกจากนี้ กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาที่ประเทศจีนเพื่อคลี่คลายปัญหาในพรรคเพื่อไทย และจะมีคนบินไปขอตำแหน่งนั้น นายนพดลกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปไหนไม่ใช่ธุระของพรรคประชาธิปัตย์ และพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เดินทางไปไหนต่อไหนตามปกติอยู่แล้ว และมักจะมีคนที่เคารพนับถือบินไปพบปะเป็นปกติ และพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีปัญหาใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี หรือการทำงานในรัฐบาล เพราะมีโครงสร้างที่เข้มแข็งและจัดการปัญหาทุกอย่างได้ตามระบบอยู่แล้ว ส่วนการบินไปขอตำแหน่งก็คงไม่มี เพราะนายกฯจะประเมินการทำงานของคณะรัฐมนตรีเอง จะปรับใครออกหรือจะเชิญบุคคลใดเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล นายกฯ จะเป็นคนตัดสินใจทั้งสิ้น
