xs
xsm
sm
md
lg

“ส.ว.สรรหา” หมดหวัง ส.ส.ร.55 เชื่อได้แต่คนของรัฐบาลเข้ามา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย
“สุรชัย” หวั่น ส.ส.ร.77 คน จากการเลือกตั้งทุกจังหวัดจะมาจากฐานเสียงพรรคเพื่อไทยเป็นส่วนใหญ่ เพราะกุมเสียงข้างมากอยู่ในขณะนี้ ด้าน “วีรวิทย์” ชี้ ส.ส.ร.ส่วนของนักวิชาการ 22 คนก็น่าห่วง มีการลักไก่ตัดสิทธิ ส.ส.-ส.ว.ในการตวจสอบคุณสมบัติแล้วให้ประธานรัฐสภาทำแทน เกรงทิศทางร่างรัฐธรรมนูญจะสุดโต่ง จนเกิดความขัดแย้งรุนแรงในสังคม


วันที่ 9 พ.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. พล.อ.อ.วีรวิทย์ คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

โดย พล.อ.อ.วีรวิทย์กล่าวว่า ที่มาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ปกติ ตนได้ขอแปรญัตติว่าน่าจะทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าจะให้แก้หรือไม่ กระบวนการตรงนี้ประเทศต่างๆทำทั้งนั้น การทำเช่นนี้อาจทำให้แตกแยกได้ในอนาคต

ประเด็นที่สอง คือ หน้าที่เดิมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้มอบให้ ส.ส.-ส.ว. แต่มาวันนี้ให้ละทิ้งหน้าที่แล้วให้ ส.ส.ร.ทำ แน่ใจได้อย่างไรว่าคนกลุ่มนี้จะเก่งกว่าสมาชิกรัฐสภา และน่าห่วงมากที่สุด คือ ส.ส.ร.ครั้งนี้ไม่มีกรอบการดำเนินงาน แม้สมาชิกรัฐสภาจะใส่ข้อจำกัดไว้แต่ก็ได้น้อยมาก ซึ่งจะทำให้การร่างครั้งนี้มีอิสระเสรีของคณะที่มาร่างมาก ถ้าได้คณะที่มีจิตสำนึกดี ประเทศก็ดีไปด้วย แต่ถ้าได้คณะแบบสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่งมันจะเสี่ยง จริงอยู่เมื่อร่างเสร็จก็ต้องเข้าสู่กระบวนการประชามติ แต่กระบวนการนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะประชามติโดยไม่ให้ความรู้ประชาชนมันใช้ไม่ได้ ปกติกระบวนการให้ความรู้ประชาชนต้องทำ 90 วันก่อนลงประชามติ แต่ร่างนี้ออกมาลดเหลือ 45 วัน

น่าห่วงคือจะทำอย่างไรให้ได้คณะบุคคลที่ดี เก่ง กลาง ไม่อยู่ใต้อาณัติใคร และสามารถมองประเทศชาติในอนาคตได้ แล้วรัฐบาลให้โจทย์การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ว่าต้องการปฏิรูปการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ตนคิดว่าเวลา 240 วัน เพื่อหาข้อยุติไม่มีทางเป็นไปได้ และเกรงว่าจะสุดโต่ง เกิดข้อขัดแย้งรุนแรงในสังคม

นายสุรชัยกล่าวว่า ทิศทางของรัฐธรรมนูญใหม่เป็นของเสียงข้างมาก เริ่มต้นกำหนดที่มาของ ส.ส.ร. ด้วยสูตร 77+22 เลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน ได้ 77 คน ซึ่งต้องยอมรับว่าระบบเลือกตั้งของประเทศไทยหนีไม่พ้นต้องมีฐานเสียง ฐานเสียงสนับสนุนใครคนนั้นได้ แล้วการเลือกตั้งล่าสุด แน่นอนพรรคเพื่อไทยกุมเสียงข้างมาก คนที่จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาก็หนีไม่พ้นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย

ส.ส.ร.55 จะวางทิศทางการแก้รัฐธรรมนูญไปทางไหน มันมีความสำคัญกับก้าวต่อไปของประเทศอย่างยิ่ง เพื่อไม่ให้ความคิดสุดโต่ง และถูกพรรคการเมืองครอบงำ ทำอย่างไรจะได้ทั้งเสียงข้างมากและข้างน้อยมานั่งใน ส.ส.ร.คละเคล้ากัน แต่วันนี้ข้อเสนอของพวกตน ให้ ส.ส.ร.200 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ก็ไม่เกิดแล้ว โหวตแพ้ไปแล้ว เราก็ได้แต่ต้องช่วยกันจับตามองว่าท่านทำหน้าที่อย่างอิสระ เป็นกลาง อยู่ภายใต้อาณัติใครหรือไม่

พล.อ.อ.วีรวิทย์กล่าวต่อว่า ตนเป็นห่วงส่วนของนักวิชาการ 22 คน จากที่ไหนก็ได้ ตามกระบวนการที่ประธานรัฐสภากำหนด คุณสมบัติไม่มีกล่าวถึงเรื่องความเป็นกลางเลย แล้วตนกับอีกหลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในร่างแรกของพรรคเพื่อไทย ให้คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของ 22 คนจะเป็นกรรมาธิการสามัญของรัฐสภา คือ มี ส.ส.9 คน ส.ว.6 คน แต่พอออกมาเป็นร่างของรัฐบาลและกรรมาธิการ กลายเป็นตั้งกรรมาธิการโดยประธานรัฐสภา จำนวน 15 คน แล้วให้เอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 130-131 กับคนกลุ่มนี้ด้วย แสดงว่าเจตนารมณ์ของรัฐบาลและกรรมาธิการไม่ต้องการให้ ส.ส.-ส.ว. เข้ามาตรวจสอบและจัดบัญชีรายชื่อตรงนี้

หลายท่านบอกว่าไม่สามารถล็อกได้ว่าใครเลือกใครเพราะลงคะแนนลับ แต่ก็รู้กันอยู่ นักวิชาการที่จะมาร่าง 22 คน จะเป็นคนที่รัฐบาลต้องเห็นชอบ ถ้ารัฐบาลไม่เห็นชอบหรือนักวิชาการที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายคงไม่ได้เข้ามา รอดูได้เลย 22 คน ที่จะเข้ามาแนะนำทิศทางรัฐธรรมนูญ มาจากนักวิชาการสายไหน

นายสุรชัยกล่าวเสริมว่า มันเป็นการคัดเลือกบุคคลในสภาชัดเจน รัฐบาลอยากได้ใครคนนั้นได้ แต่ ส.ว.-ฝ่ายค้าน อยากได้ไม่ได้ เพราะเป็นเสียงข้างน้อย เคยคุยกันนอกรอบว่า ถ้าเราเอาหลักคิดความหลากหลาย เรื่องร่างรัฐธรรมนูญอย่าตัดสิทธิเสียงข้างน้อยโดยเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อยต้องได้ที่นั่งด้วย เอาระบบสัดส่วนมาคิดก็ได้ จะได้คละเคล้ากัน เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะได้รัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก แต่บังคับใช้กับคนทั้งประเทศ ตอนลงประชามติจะมีปัญหา ก็ฝากความหวังไว้ที่ประธานรัฐสภา ที่จะต้องไปออกกฎเกณฑ์ต่อไป ถ้ายังคิดว่าสังคมโดยรวมควรได้รับการเคารพสิทธิ์ ก็ควรพยายามสร้างความโปร่งใสผ่านกฎเกณฑ์ที่จะกำหนดออกมา
พล.อ.อ.วีรวิทย์ คงศักดิ์

กำลังโหลดความคิดเห็น