“คางคกตู่” คุมมหาดไทย กับภารกิจเดินงานใต้ดิน

สะเก็ดไฟ

ใกล้ได้เวลาปรับคณะรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ 3” คนที่ได้รับการคาดหวังจะเป็นเสนาบดีในคราวนี้ คือ “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำแดงพันธุ์เถื่อน หลังสู้แล้วรวยมานาน อีกไม่ช้าก็จะได้ขึ้นวอเป็นรัฐมนตรี ตาม “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ที่เลื่อนชั้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้

จากเสียงที่เคยคัดค้านอื้ออึง ทั้งจากนอกพรรคในพรรค ดูเหมือนวันนี้จะเบาบางลงไปเยอะ แม้แต่โพลสำรวจความคิดเห็นของบางสำนักยัง let it be ช่างแม่มัน ใครจะเป็นอะไรก็ช่างแม่มัน เหมือนปลงๆ กันไปแล้ว!!

หนทางเปิดโล่ง “คางคกตู่” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รอถึงวันฝันที่เป็นจริง..

อย่างไรก็ตามกับกระแสข่าวว่าจะมอบหมายให้ “จตุพร” เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลความมั่นคง มันรู้สึกทะแม่งๆ ความมั่นคงของอะไรกัน ถ้าของประเทศละฉิบหายแน่ เอางานสำคัญไปฝากไว้กับคางคกขึ้นวอ เลอะเทอะกันไปใหญ่

แต่ที่น่าเชื่อคือการมอบภารกิจสำคัญให้ “จตุพร” ไปโรมรันพันตูเกมการเมืองในสภา มอบบทให้ไปทำหน้าที่ตอบกระทู้จากฝ่ายค้าน ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย

เพราะมองกันว่าที่ผ่าน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บกพร่อง ล้มเหลว

กระนั้นแค่นึกภาพก็หวั่นไหวแล้วว่า การเมืองที่ลดดีกรีร้อนแรงลงไป อาจกลับมาคุโชนขึ้นอีกครั้ง เพราะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แต่ละคนลีลากวนโอ๊ย และชอบยุแยงฝ่ายรัฐบาลเป็นงานประจำอยู่แล้ว แน่นอนว่า “จตุพร” ซึ่งเป็นพวกจุดเดือดต่ำ ต้องโดนถล่มแน่ ต้องจับตาดูว่าจะมีอาการอย่างไร

จะสุขุมเยือกเย็นขึ้นเมื่อได้เป็น รมต. หรือแค่เปลี่ยนที่นั่งไปอาละวาดข้างบน ด่ากราดเหมือนอย่างเคย แบบนั้นสภาคงดูไม่จืด และยิ่งไปแสดงอำนาจบาตรใหญ่ในฐานะรัฐมนตรีแล้ว อาจทำให้หลายคนที่เฝ้ามองดูอยู่เกิดความไม่พอใจ แอบด่าในใจ...พวกเผาบ้านเผาเมืองได้ดิบได้ดีกันหน้าสลอน

จะชั่วจะเลวอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดี และพรรคเพื่อไทย ไม่เคยสน ยกหางอุ้มชูกันแบบหน้าด้านๆ ไม่สนเสียงใครอื่น

น่าสนใจอีกอย่างคือ “จตุพร” เข้ามาอยู่กระทรวงมหาดไทยแล้วจะดีขึ้นหรือเลวลง หรือพรรคเพื่อไทยมุ่งหวังให้มาทำอะไรห่ามๆ หรือไม่ ที่ผ่านมากระทรวงนี้โดนคนในพรรคเพื่อไทยเองโจมตีมาตลอดว่า “เสียของ” ไม่สามารถใช้เครือข่ายของมหาดไทยมาสร้างประโยชน์ให้กับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้

“ยงยุทธ” เป็นลูกหม้อเก่าของกระทรวงหมาดไทย โยกย้ายแต่ละทีติดลูกเกรงใจไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่า ศัตรูหรือเด็กฝ่ายตรงข้ามนั่งกันเต็มคลองหลอด สภาพการบริหารจึงไม่มีการเด้งรับนโยบายของรัฐบาล มีแต่อาการเช้าชามเย็นชาม

ขณะที่ ชูชาติ หาญสวัสดิ์ ก็เป็นที่รู้กันดีในกระทรวงทำงานในสภาพไม่เต็ม 100 ล้งเล้ง โวยวายอย่างเดียว ข้าราชการส่ายหน้าเอือมระอา ส่วน “ฐานิสร์ เทียนทอง” ก็เจอปัญหาปีนเกลียว ข้าราชการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่สนองคำสั่งของท่านรัฐมนตรี

ค่อนข้างชัดว่า “จตุพร” จะมาเสียบแทนตำแหน่งของ “ชูชาติ” และการปรับ ครม.ครั้งต่อไปก็น่าจะถึงคราว “ยงยุทธ” ต้องย้ายก้นออกไปเสียที เปลี่ยนมือให้พวกใจถึงพึ่งได้มาปฏิรูประบบกระทรวงให้เป็นมือเป็นไม้ของรัฐบาล

ทำงานเชิงใต้ดินกันมากขึ้น เหมือนที่ทุกรัฐบาลใช้กันจนเป็นวัฒนธรรมอัปรีย์!!