“นพดล” ปัด “เมียเก่าแม้ว” สั่งตั้งวอร์รูมรับมือฝ่ายค้านซักฟอก ยันไม่เกี่ยวพรรค แย้มปรับ ครม.หลังพฤษภาฯ โยน “ยิ่งลักษณ์” คัดใครเสียบ ดักคอแก๊งพล่านเข้าหานายใหญ่ ด้าน “เด็จพี่” ชี้แค่ลือ พท.ยังไม่ได้คุยกัน จวกพวกขายสินค้าต่ำกว่าทุนทำไม่เหมาะสม
วันนี้ (4 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร ระบุถึงกระแสข่าวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้มีการตั้งวอร์รูมรับมือการอภิปรายของฝ่ายค้านว่า ไม่เป็นความจริงอย่าสิ้นเชิง ส่งผลให้พรรคเสียหายอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาคุณหญิงพจมานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ การปรับคณะรัฐมนตรี มีการนำเสนอข่าวที่กว้างขวาง มีการคาดการณ์ถึงตัวบุคคลที่มาดำรงตำแหน่งใหม่ ซึ่งแหล่งข่าวทั้งในและนอกประเทศยืนยันตรงกันว่าจะไม่มีการปรับ ครม.ในระยะนี้อย่างแน่นอน ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ส่งสัญญาณใดๆ ออกมา สำหรับจะปรับเมื่อไหร่นั้นคงคาดการณ์ได้ยาก รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนก่อน ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะกลับมาเป็นรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้เลือกว่าใครมีความเหมาะสม ไม่อยากเห็นคนที่อยากเป็นรัฐมนตรีเดินสายวิ่งเต้นเดินทางเข้าพบพันตำรวจโททักษิณ ขณะเดียวกัน การปลดล็อกทางการเมืองของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าจะปรับ ครม.หรือไม่ แต่คาดว่าการปรับ ครม.น่าจะมีขึ้นหลังเดือนพฤษภาคม
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่ากระแสการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น โดยในพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีการคุยในเรื่องนี้ ส่วนจะมีการปรับ ครม.เพื่อเป็นการรองรับสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่จะปลดล็อกทางการเมืองในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้เป็นแค่แสดงความเห็นและคาดการณ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการปรับ ครม. โดยจะต้องตอบโจทย์ปัญหาประชาชน ไม่ใช่ปรับเพื่อใครหรือผลประโยชน์ของพรรค ทั้งนี้ มองว่าเร็วเกินไปต้องแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและปัญหาสินค้าราคาแพงก่อนเพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญ
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่ใส่ใจการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนว่า รัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังมาโดยตลอด แต่ในขณะนี้มีบางกลุ่มกำลังสร้างความเข้าใจผิดกับประชาชน โดยการนำสินค้ามาขายในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และมองว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล หากมีความร้ายแรงมากขึ้นก็จะไปแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ให้มีการตรวจสอบ