แพงก็ได้ แต่ไม่เกี่ยวกับปู !!

เกาะกระแส
โดย... ก้อนกรวด


00 สังเกตให้ดีจะเห็นว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทย พยายามหุบปากไม่พูดถึงเรื่อง “แพงทั้งแผ่นดิน” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หุบปากกลบเกลื่อนไปตั้งนานแล้ว เพราะรู้ว่าถ้ายังขืนโม้มากไปกว่านี้ก็ยิ่งเข้าตัว หลังจากที่ผ่านมาสร้างภาพ สร้างความหวังให้กับชาวบ้านเอาไว้มาก ซึ่งที่ผ่านมาก็ดูเหมือนได้ผล เพราะตอนนั้นเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น หลังจากผ่านภาวะตกต่ำสุดขีดมาจากวิกฤติ “ต้มย้ำกุ้ง” เมื่อปี 40 และใช้งบประมาณที่คนอื่นสะสมเอาไว้มาถลุง ผลก็คือให้ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจขยายตัวเติบโต แต่ในภาวะเติบโตดังกล่าวมันก็ควบคู่ไปกับการทุจริต หักเปอร์เซ็นต์ เริ่มถูกชาวบ้านออกมาขับไล่ แต่ก็ถูกพวก คมช.หน่อมแน้มชิงตัดหน้าไปเสียก่อน ตั้งแต่นั้น ทักษิณ ที่เริ่มฝ่อ ก็อ้างเผด็จการขยายตัวเติบใหญ่ขึ้นมาได้อีกรอบ

00 จากเดิมที่พรรคเพื่อไทย ทำไม่รู้ไม่ชี้ อ้างว่าพวกที่พูดว่า “ของแพง” นั้นสร้างกระแส ในตอนแรกถึงกับมีการเปรียบเทียบราคาสินค้าในตลาดกันแบบเดือนต่อเดือน ในช่วงเดียวกัน มีการโชว์ขายข้าวผัดกระเพรา (ไม่มีไข่ดาว) จานละ 25 บาท เปิดร้านธงฟ้าตามตลาดสดหลายแห่ง แรกเริ่ม นายกฯ “ปูนิ่ม” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถึงกับลงทุนเดินตลาดยืนยันสินค้าราคาถูก มาถึงวันนี้น่าจะไปถามว่าร้านธงฟ้าที่ว่านั้นยังเหลืออยู่หรือไม่ ทุด !!

00 เมื่อเลี่ยงไม่ออกก็กระมิดกระเมี้ยนวันก่อนหลังประชุมครม.เศรษฐกิจ ที่มีนายกฯยิ่งลักษณ์ นั่งอยู่หัวโต๊ะก็โบ้ยให้ รองนายกฯกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นคนแจงแทน อ้างว่าเป็นเพราะปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องภายในประเทศ เอาเป็นว่ามาจากสาเหตุน้ำมันแพงว่างั้นเถอะ บอกใบ้ให้ยอมรับชะตากรรมนั่นแหละ อ้าวไหนพวกแก๊ง “โฆษกหัวขวด” บอกว่าคิดไปเอง ว่าของแพงไง ไอ้เวร

00 ยังดีที่ไม่บ้าจี้ปรับขึ้นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มอีกร้อยละ 1 ตามแรงยุของ “กุนซือโกร่ง” วีระพงษ์ รามางกูร เพื่อหารายได้เพิ่มให้กับรัฐบาลที่กำลังกระเป๋าฉีก จากนโยบายประชานิยมที่ล้มเหลวทุกโครงการ เพราะถ้าทำจริงรับรองว่าได้กลับบ้านเก่ากัน “ทั้งพี่ทั้งน้อง” แน่นอน ผ่านมาเก้าเดือน มันสะท้อนให้เห็นว่า “เสียเวลาเปล่า” ประเทศเสียโอกาสกับ นายกฯคนนี้มามากเกินพอแล้ว

00 มองเผินๆ เหมือนกับว่ารัฐบาลกำลังตื่นตัวกับการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ก็เชิด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ขึ้นมาคุม แต่ก็เชื่อว่ามันเข้าอีหรอบเดิม นั่นคือการ “ไร้เอกภาพ” ระหว่างหน่วยงาน ยังมีการชิงดีชิงเด่นไปคนละทาง ที่สำคัญในทางปฏิบัติรองนายกฯนั้นไร้อำนาจในการสั่งการ ทางที่ดีที่สุดรัฐบาลต้องตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการสำหรับการเกาะติดประจำในพื้นที่ เหมือนกับ “รัฐบาลส่วนหน้า” คอยสั่งการ และประสานงานแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที บางครั้งการแก้ปัญหาไม่จำเป็นต้องทุ่มกำลังลงไปมากมาย เพียงแต่ว่า “เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา” อย่างจริงจัง อย่าดีแต่พูด และต่างคนต่างทำ สั้นๆง่ายๆ แค่นี้แหละ !!