“ยงยุทธ” อ้างคนไปใช้สิทธิน้อยแพ้เลือกตั้งปทุมฯ ไม่เกี่ยวจัดการน้ำเหลว

หัวหน้าเพื่อไทยตะแบงผลเลือกตั้งปทุมฯ พ่ายแพ้ เพราะคนไปใช้สิทธิน้อย ไม่ยอมรับผลงานแก้ปัญหาน้ำท่วมเหลว อ้างเคยเบรกอดีต ส.ส.ปทุมธานีแล้วอย่าลาออกลงนายก อบจ.แต่ไม่ฟัง สุดท้ายตกงาน อดเป็นทั้ง ส.ส.-นายก อบจ. หวั่นภัยแล้งลุกลามหนัก เผยประกาศเขตประสบภัยรวม 341 อำเภอแล้ว

วันนี้ (23 เม.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแพ้เลือกตั้งที่ จ.ปทุมธานี ว่า พรรคเคารพเสียงประชาชน และยอมรับผลการเลือกตั้งเขต 5 จ.ปทุมธานี ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะด้วย เรื่องที่พรรคพ่ายแพ้คงไปวิเคราะห์ในที่ประชุมพรรคต้องวิเคราะห์กันในบ้าน หากวิเคราะห์ในที่สาธารณะคงไม่เหมาะสม เรื่องนี้ทราบว่าสาเหตุจริงๆ เป็นอย่างไร ส่วนที่นายสมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยแพ้เพราะไม่ได้ลงช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วม คงเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อีกส่วนหนึ่งอาจมาจากการมีผู้มาใช้สิทธิน้อย แค่ประมาณ 30% เท่านั้น ต่างจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2554 ที่พรรคเพื่อไทยชนะทุกเขตเลือกตั้งใน จ.ปทุมธานี เพราะคนมาใช้สิทธิกันถึง 60-70%

ส่วนการแพ้ทั้งในสนามนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่มีว่าที่ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี อดีต ส.ส.เพื่อไทยลงสมัครแล้วแพ้และมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นั้น แสดงถึงการไม่พอใจในการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องน้ำท่วม สื่อมวลชนก็จะทราบเองในภายหลัง ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องที่ประชาชนไม่พอใจ

“ก่อนที่นายสุเมธจะลาออก ทางพรรคได้ห้ามปรามท้วงติงแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ขอพูดเรื่องในอดีต จะกลายเป็นการตำหนินายสุเมธ แพ้และไปตำหนิเขาซ้ำเติมอีก คงจะยิ่งไม่งาม ทั้งนี้ ไม่อยากจะซ้ำเติมคนแพ้ ส่วนสาเหตุคงจะไปคุยกันต่อในการประชุมพรรค” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าว

รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2555 โดยประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ

โดยนายยงยุทธกล่าวตอนหนึ่งถึงเรื่องปัญหาภัยแล้งเวลานี้ว่า มีจังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 43 จังหวัด 341 อำเภอ 2,506 ตำบล ได้สั่งการให้ทางจังหวัดจัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาภัยแล้งระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้แต่ละจังหวัดเร่งช่วยแก้ไขปัญหา โดยนำเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด มาใช้ในการแก้ไขปัญหาโดยยึดการดำเนินงานตามระเบียบการกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัด หากพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง และงบประมาณไม่เพียงพอให้ประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอรับการสนับสนุนงบกลางจากคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกร อย่างไรก็ตาม ขอให้จังหวัดถือว่าการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน