ผ่าประเด็นร้อน
มองบางมุมก็อดเห็นใจคนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาอุตส่าห์ทำคะแนน “สะสมแต้ม” มานานหลายเดือน แต่แล้วจู่ๆ ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มกำลังจะเข้าเส้นชัยอยู่ร่อมร่อแล้วเชียว แต่ดันมีใครก็ไม่รู้ที่รอจังหวะอยู่แล้วพุ่งพรวดออกมาเสนอหน้าออกไปรับรางวัลหน้าตาเฉย เห็นภาพแบบนี้รับรองว่าจะปล่อยไปแบบ “ช่างแม่งมัน” ไม่ได้เป็นอันขาด
อารมณ์ขุ่นมัวของรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ออกมาส่งเสียงโวยวายแรงๆ กับพวกหัวโจกเสื้อแดง ส.ส.พรรคเพื่อไทย รัฐมนตรี พวกบ้านเลขที่ 111 ทั้งที่เปิดเผยหน้าตาและหลบซ่อนลับๆ ล่อๆ ไปพบ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่ลาว และกัมพูชา แสดงอาการ “เลีย” ออกมาให้เห็นอย่างไม่กระมิดกระเมี้ยน ชนิดที่เรียกว่าแย่งกันเข้าประชิดตัวลูบหลังลูบไหล่ แย่งกันเสกสรรคำพูดป้อยอ รับลูกกันครึกครื้น หากใครหน้าไม่ด้านพอรับรองว่าต้อง “อ้วก” ออกมาแน่ เพราะดูแล้วมันทุเรศเหลือพรรณนา
อย่างไรก็ดี สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม ภาพที่บาดตาบาดใจมากที่สุด น่าจะเป็นภาพที่ เสนาะ เทียนทอง สู้อุตส่าห์ถ่อสังขารแบบไม่กลัวหน้ามืดเป็นลม จูงมือลูกเมียแย่งเบียดเสียดฝ่าฝูงสมาชิกพรรคเพื่อไทย พวก 111 หัวโจกคนเสื้อแดงไปอยู่แถวหน้า แซงเข้าไปค้อมกายแสดงความคารวะคนอายุน้อยกว่าอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ชนิดที่เรียกว่าถ้ามีพื้นที่พอคงก้มลงกราบเท้าไปแล้วก็ได้
ไม่น่าเชื่อว่าพฤติกรรมของบางคนนี่มันน่าสะอิดสะเอียน น่ารังเกียจจริงๆ จากเดิมเคยขึ้นเวทีด่าประจาน ทักษิณ ชินวัตร ย่อยยับ หาว่าโกงชาติอย่างนั้นอย่างนี้ หรือ “เผาบ้านเอาประกัน” เปรียบเทียบให้เห็นภาพ แต่ผ่านไปไม่นานก็หันหน้ามากอดคอ ยกย่องกันหน้าตาเฉย
สังคมต่างมองภาพดังกล่าวด้วยความสังเวช แต่สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง น่าจะมี “ความรู้สึก” มากไปกว่านั้น จึงได้ส่งเสียงกระแอมออกมาเตือน รวมทั้งมีคำพูดที่ไม่พอใจออกมาในทำนองว่า มีคนในพรรคเพื่อไทยกำลัง “ชุบมือเปิบ” เสนอหน้าออกมารับรางวัล ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะความพยายามในการแย่งกันนำตัว ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน โดย เฉลิม อ้างว่าก่อนหน้านี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ก่อนหน้านี้ทั้งในช่วงปราศรัยหาเสียงและการให้สัมภาษณ์แทบทุกครั้งก็พูดแบบนี้มาตลอด ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าพูด แต่มาวันนี้กลับแย่งกันใหญ่
ก็ได้ผล เมื่อถูกตอบโต้กลับมาทันควัน ซึ่งคนภายนอกย่อมจับความรู้สึกดังกล่าวได้ทันทีว่าภายในพรรคเพื่อไทยกำลังมีปัญหาเรื่องการ “แย่งกันเอาหน้า เอาใจนาย”
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาตามตารางเวลาประกอบแล้วมันก็ชวนทำให้อารมณ์หวั่นไหวได้จริงๆ เพราะภายในเดือนหน้าพวกบ้านเลขที่ 111 จะถูกปลดล็อกพ้นออกมาแล้ว ระดับการแข่งขันสูง แต่ละคนถือว่าระดับ “โคตรเขี้ยว” ทั้งสิ้น อย่างน้อยเฉพาะหน้าก็ต้องเจอคู่อาฆาตเก่าอย่าง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่จะโผล่ออกมา และลองหลับตานึกภาพดูก็แล้วกันว่าในช่วงเวลานั้นก็มีกำหนดเวลาไว้เหมือนกันว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีกันอีกรอบ ที่นั่งของเขาจะไปอยู่ตรงไหน
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมา สำหรับคนอื่นอาจไม่มีปัญหาจนถึงกับทนไม่ได้ กับการแย่งกันประจบประแจง เพราะมันก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตัวเอง ถ้ายอมรับความจริงก็ต้องบอกว่าที่ผ่านมาก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ต่างกัน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มพลิกผัน เริ่มไม่แน่นอน ที่ผ่านมาอาจจะสามารถโชว์ความโดดเด่นอยู่คนเดียว เนื่องจากพวก ส.ส.และรัฐมนตรีหลายคนต่างไม่ถึงระดับ เป็นแค่ตัวเลือกสำรอง และที่ผ่านมาก็ได้สะสมแต้มมาอย่างต่อเนื่อง และหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าคราวหน้าคงไม่จมปลักอยู่กับเก้าอี้รองนายกฯที่ไร้อำนาจบริหารสั่งการโดยตรงอย่างแน่นอน อย่างน้อยน่าจะได้รับการตบรางวัลให้ว่าการสักกระทรวง แม้ว่าไม่อยากคิดไกล แต่ก็หวังไว้ที่เก้าอี้มหาดไทย ที่ถนัดที่สุด
แต่เมื่อได้เห็นภาพที่กัมพูชาวันนั้น มันก็ย่อมทำให้เกิดอารมณ์ปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที ในความหมายก็คือมันทำให้ความมั่นคงรุ่งโรจน์ในวันหน้า ความหวังที่จะได้อัพเกรดขึ้นมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกรดเอที่ตัวเองฝันเอาไว้มันก็มีโอกาสพลังทลายได้ทุกเมื่อ และยิ่งเมื่อได้เห็น เสนาะ เทียนทอง หอบลูกเมียไปหมอบกราบ ทักษิณ แบบนั้น มันก็ต้องโวยวาย เพราะขนาดหน้าฉากยังแบบนี้ หลังฉากจะขนาดไหน และที่สำคัญทั้ง เสนาะ และเฉลิม ต่างก็มีเป้าหมายเล็งไปที่มหาดไทยด้วยกันทั้งคู่ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วงานที่ไหนก็ไม่ถนัดและมีความสุขเท่ากับที่นั่น
หากพิจารณาจากท่าทีและคำพูดดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่สะท้อนออกมาล้วนแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ ระคนน้อยใจ เหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะถูกลืมหลังจากที่พวก 111 กำลังจะกลับมา ทั้งที่ที่ผ่านมามั่นใจว่าเขานี่แหละที่เป็นกำลังสำคัญที่ชูกลยุทธพาทักษิณ กลับบ้าน ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย รวมไปถึงการเตรียมการเรื่องการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่กำลังจะเข็นออกมา เขาก็เป็นคนต้นคิด อ้างว่าได้ร่างกฎหมายเอาไว้อย่างครอบคลุมจำนวน 6-7 มาตราเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากท่าทีและคำพูดดังกล่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม มันก็เห็นความเคลื่อนไหวในลักษณะชิงดีชิงเด่นแย่งกันประจบภายในพรรคเพื่อไทยอย่างดุเดือด และโอกาสที่ ทักษิณ ชินวัตร จะไม่ได้กลับประเทศก็คงเป็นเพราะ “ตัวแสบ” พวกเขี้ยวการเมืองประเภทนี้แหละ!!