รายงานการเมือง
เมื่อแรงปฐพีสั่นไหวนอกพื้นที่ประเทศไทย แต่กระทบกระเทือนถึเกาะภูเก็ต ด้วยความแรงกว่า 8.7 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำเอา “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ใจหายใจคว่ำ ไม่เฉพาะกลัวว่าจะมี “สึนามีใหญ่” หรือผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างรุนแรงเท่านั้น
แต่ห่วงด้วยว่าตัวเองจะหมดโอกาสกลับบ้านเกิดเมืองนอน จ.เชียงใหม่ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจเปิดงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ 2555” รวมไปถึงกำหนดการล่วงหน้า ที่จะถือโอกาสแวะไปทำบุญกระดูกบรรพบุรุษตระกูลชินวัตร ที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ด้วย
เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย แต่ก็ต้องถือว่าเหตุการณ์ยังไม่นิ่ง มี “อาฟเตอร์ช็อก” ตามมาอีกไม่ต่ำกว่า 10 ลูก ก็หาใช่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้ “ยิ่งลักษณ์” ยกเลิกภารกิจช่วงวันหยุดยาวอย่างที่ “ผู้นำประเทศ” พึงกระทำ เพราะในวันรุ่งขึ้น “ยิ่งลักษณ์” ก็ยกทัพคณะใหญ่โดยสารเครื่องบินโบอิ้งของกองทัพอากาศ ไปลงที่สนามบินกองบิน 41
เลือกใช้เครื่องบิน-รันเวย์ของราชการราวกับมีภารกิจสำคัญ
ทั้งที่ภารกิจอย่างเป็นทางการของ “นายกฯ ปู” ในครั้งนี้ มีเพียงการเปิดงานสงกรานต์ของ จ.เชียงใหม่ เพียงหมายเดียว และที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็น “หมายส่วนตัว” ล้วนๆ คำถามถึงประเด็นความเหมาะสมจึงตามมา
ที่ดูจะผิดแผกไปจากปกติก็คือ นอกจาก “น้องไปป์-ศุภเสกข์ อมรฉัตร” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ติดหนีบไปแทบทุกครั้งแล้ว ยังหนีบเอา “เสี่ยป๊อป-อนุสรณ์ อมรฉัตร” ผู้เป็นสามีมาด้วย เหมือนกับใช้โอกาสวันหยุดฉลอง “วันครอบครัว” อย่างไรอย่างนั้น แต่กลายเป็นว่า “น้องปู-พี่ป๊อป” ควงกันออกงานเลี้ยงที่บ้าน “เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” และงานทำบุญกระดูกบรรพบุรุษตระกูลชินวัตร ที่วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง เท่านั้น
หลังจากนั้น “อนุสรณ์” ก็หายเข้ากลีบเมฆ
แล้วก็มาถึงช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานในงาน “ป๋าเวณี ปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ 2555” ในวันที่ 13 เม.ย.ที่นอกจาก “ยิ่งลักษณ์” จะมาเปิดงานแล้ว ยังร่วมเล่นน้ำกับประชาชน ที่บริเวณประตูท่าแพ จุดเล่นน้ำชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ โดยโดดขึ้นยืนบนรถ 6 ล้อ แสดงความเฉิดฉาย ราวกับ “พริตตี้เกิร์ล” ในงานอีเวนต์โฆษณาสินค้า นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติพากันสาดน้ำอย่างสนุกสนาน
แต่ก็ยังมีเสียงจากประชาชนด้านล่างตะโกนถามผู้นำคนสวยว่า “ไหวมั้ยท่านนายกฯ???” เพราะเห็นสภาพของ “ลูกคุณหนู” ที่ไม่เคยแม้จะต้องตรากระกำลำบาก หรือโดนแสงแดดจ้าๆ แผดเผาผิวหนังให้ระคายเคือง แต่เมื่อเจอทั้งแดดเมืองเชียงใหม่ในหน้าร้อน และโดนน้ำที่สาดมาจากทั่วทุกสารทิศ
เชื่อว่าหลังสงกรานต์ ต่อด้วยทริปทัวร์นอก “ยิ่งลักษณ์” คงถือโอกาสหาเครื่องประทินผิวเสริมความงามกันครั้งใหญ่
ถัดมาอีกวัน “ยิ่งลักษณ์” พร้อมด้วยทีมงาน ก็เดินสายทำบุญ แต่ครั้งนี้ช่วงเช้าบึ่งรถพร้อมทีมงานไปเริ่มต้นไหว้พระวันปีใหม่ไทยที่ “พระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร” ต่อด้วย “วัดจามเทวี” ที่ อ.เมือง จ.ลำพูน โดยได้ถวายผ้าห่อ “สุวรรณจังโกฏเจดีย์” ที่เป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมบรรจุพระอัฐิของ “พระนางจามเทวี” และถวายผ้าห่อสถูปอัฐฐิของครูบาศรีวิชัย และก่อนกลับ จ.เชียงใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แวะที่สวนสาธารณะหนองคอก เพื่อสักการะ “อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี” อีกด้วย
งานนี้เชื่อว่าเป็น “เคล็ด” อย่างแน่นอน เพราะตามประวัติ “พระนางจามเทวี” เป็นขัตติยะราชนารีผู้เลอโฉม เป็นที่เลื่องลือไปทั่วแคว้นละโว้ อีกทั้งยังเป็น “ปฐมกษัตรีย์” ที่ยิ่งใหญ่แห่งนครหริภุญชัยอีกด้วย จึงเชื่อว่าเป็นแบบอย่างที่ “นายกฯนารี” ถือเป็นศิริมงคลที่ได้มาสัการะในวันปีใหม่ไทย
ตัดมาที่ภาพอันหวานชื่อของ “ครอบครัวชินวัตร” เมื่อ “น้องปู” นำกระเช้าคล้องพวงมาลัย มอบให้กับพี่สาว 2 คน คือ “พี่แดง-เยาวภา” และ “พี่แป๋ว-มณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล” เพื่อขอขมาลาโทษในวันขึ้นปีใหม่ไทย จนทำให้ทั้ง 3 คนต่างน้ำตาคลอ ซาบซึ้งในตัวน้องสาวคนนี้ โดยเฉพาะ “เจ๊แดง” ที่จะขอเป็นกำลังใจให้น้องสาวคนนี้ตลอดไป และเชื่อมือน้องสาวเก่งอยู่แล้ว
สุดท้ายทั้งสองคนต่างร่ำไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ
สรุปส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์ในคราบนายกฯครั้งแรกของ “ยิ่งลักษณ์” ก็ผ่านไปอย่างชุ่นมื่นชุ่มฉ่ำ แต่ด้วยภารกิจที่เน้นสนุกสนานและหมายส่วนตัว ก็หนีไม่พ้นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่า ในการใช้งบประมาณของราชการมหาศาล ชัดเจนที่สุดคงเป็นการใช้เครื่องบินโบอิ้งลำใหญ่ ขนบรรดารัฐมนตรี - ผู้ติดตาม ร่วมติดสอยห้อยท้ายไปร่วมงานตลอดทริปนี้
ทั้งที่ “ผู้นำประเทศ” ที่ดี ควรคิดถึงการใช้จ่ายภาษีของประชาชนที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้
มิใช่นำมาปนเปรอหาความสุขให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง แต่ประชาชนในประเทศกำลังเผชิญกับภาวะข้าวของแพงถ้วนหน้า...