นายกฯ ร่วมประชุมอาเซียนตามความคืบหน้าสร้างประชาคม ชมศูนย์กลางสร้างสันติภาพภูมิภาค แนะร่วมต่อสู้อาชญากรข้ามชาติ-ฟอกเงิน หนุนพึ่งพาเศรษฐกิจเอเชียและแปซิฟิกให้มากขึ้น รวมทั้งเร่งเดินหน้าสร้างหุ้นส่วนระดับภูมิภาค ชี้ข้อพิพาทแดนต้องเจรจา หนุนเรียกร้องเลิกคว่ำบาตรพม่า
วันนี้ (4 เม.ย.) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อเวลา 09.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 20 อย่างไม่เป็นทางการ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการสร้างประชาคมอาเซียนและแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีไทยได้ชื่นชมพัฒนาการของอาเซียนที่ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์กลางหลักสำคัญในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค การมีส่วนร่วมกับประเทศคู่เจรจา เพื่อช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แก่อาเซียนในประชาคมระหว่างประเทศ ที่สำคัญต้องส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงเพื่อให้การเติบโตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ต้องหยิบยกประเด็นใหม่ๆ ที่มีความสำคัญ เช่น การต่อสู้กับอาชญากรข้ามชาติ การฟอกเงิน โดยอาเซียนต้องขยายบทบาทสนับสนุนทำให้มีความสงบเรียบร้อย ส่วนด้านเศรษฐกิจมีความสำคัญต่อสันติภาพและความมั่นคงเช่นกัน ด้วยสถานการณ์ผันผวนในเขตยุโรปและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดังนั้น อาเซียนต้องพึงพาเอเชียและแปซิฟิกให้มากขึ้น เร่งเดินหน้าการสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เช่น หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาคแปซิฟิก และการมีส่วนร่วมในจี 20 ของอาเซียน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวย้ำถึงประเด็นเฉพาะเรื่องความร่วมมือทางทะเล ที่ต้องร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา เพราะกำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญ เช่น การต่อต้านโจรสลัดทางทะเล การแสวงหาและการให้ความช่วยเหลือ และการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งความมั่นคงทางทะเลรวมถึงผลประโยชน์ทุกรัฐควรจะแยกออกจากข้อพิพาททางดินแดนและการอ้างสิทธิทางทะเล ควรจะเจรจากันแบบสันติวิธี ส่วนประเด็นทะเลจีนใต้ นายกรัฐมนตรีเสนอให้มุ่งไปที่การบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ และเพิ่มความชัดเจนในการสร้างแนวปฏิบัติต่อไป
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวแสดงความยินดีกับพัฒนาการของเมียนมาร์ และอาเซียน ควรส่งเสริมให้มีบทบาทเชิงรุกระหว่างเมียนมาร์และประชาคมระหว่างประเทศ และเห็นด้วยที่อาเซียนจะเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศยกเลิกการคว่ำบาตรต่อเมียนมาร์ และส่งเสริมให้เวทีพหุภาคี เช่น องค์การสหประชาชาติ พร้อมสนับสนุนข้อริเริ่มของมาเลเซียต่อแนวทางสายกลาง เพื่อส่งเสริมความอดทนและการยอมรับความหลากหลายซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่จะต่อสู้กับกลุ่มหัวรุนแรง
อีกทั้งนายกฯ ยังกล่าวถึงการสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สำนักงานเลขาธิการอาเซียนด้วยการสนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อให้มีความเข้มแข็ง นอกจากนี้ ต้องพิจารณาการใช้กฎบัตรอาเซียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกลไกต่างๆ ของอาเซียน ต้องพัฒนาการประสานงานเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ