“ยุทธศักดิ์” เผยโจรใต้ก่อเหตุคาร์บอมบ์ เพื่อตอบโต้การกวาดล้างอย่างรุนแรงของ มทภ.4 เตือนระวัง เม.ย.-พ.ค.บึ้มซ้ำ ไม่ห้าม จนท.ระดับล่างจะดอดเจรจากลุ่มก่อความไม่สงบ แต่ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล สั่งจัดระเบียบเข้มงวดพื้นที่ชุมชน พร้อมคุมเข้มสงกรานต์ หาดใหญ่ “ประยุทธ์” กำชับเจ้าหน้าที่ไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก พร้อมประณามโจรใต้เลว ลอบกัดไม่เลือกหน้า ฆ่าผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ มุสลิม พร้อมใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากหาดใหญ่รุนแรง
ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก วันนี้ (3 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในงานวันสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ครบรอบ 103 ปี โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะศิษย์เก่ามาร่วมงาน พร้อมกันนี้ได้มีการมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่ศิษย์เก่าดีเด่น คือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเรารู้ว่าเป็นการตอบโต้ของกลุ่มหัวรุนแรงที่กระทำต่อการกวาดล้าง และการดำเนินการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ดำเนินการกวาดล้างอย่างรุนแรง รวมถึงใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม โดยการอาศัยช่องโหว่ เวลา และจังหวะ เข้าไปดำเนินการให้เกิดความรุนแรง และทำให้ประชาชนหวาดกลัวในการที่จะเข้ามาอยู่เจ้าหน้าที่
ส่วนที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมจะเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ตนกับ ผบ.ทบ. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มีการประชุมที่ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเราไม่ได้พูดถึงเรื่องการเจรจา การเจรจาจะต้องทำกับทุกกลุ่ม ถ้าทำได้กับทุกกลุ่มก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเจรจากับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มที่ไม่ได้เจรจาจะไม่รับผิดชอบ และจะแสดงตนว่ายังอยู่ โดยการสร้างเหตุการณ์ให้เกิดขึ้น ดังนั้นการเจรจาไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง หากเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่พูดคุยกันได้ไปดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการก็ไม่ขัดข้อง อาจเป็นเรื่องดีที่ทำคู่ขนานกันได้
ส่วนจะการนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกลับมาใช้หรือไม่นั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า จะมีการประเมินทุก 3 เดือน โดยคณะกรรมการพิจารณาสถานการณ์รุนแรง ที่จะดูว่าพื้นที่ใดมีความรุนแรง และประกาศใช้ หรือยกเลิก พ.รก.ฉุกเฉิน แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอาจมีการประชุมวิสามัญได้เลยทันที โดยไม่ต้องรอให้ครบ 3 เดือน อย่างไรก็ตา มในส่วนของ อ.หาดใหญ่ ที่จะจัดงานเทศกาลสงกรานต์นั้น จากการหารือในที่ประชุมจะต้องสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยว และในวันที่ 5 เมษายนนี้ เทศบาล อ.หาดใหญ่จะแถลงข่าวจัดงานสงกรานต์ในพื้นที่เกิดเหตุ รวมทั้งจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด ซึ่งมี 17 ประเทศเข้ามาแข่งขัน จากยุโรป และเอเชีย เพื่อเป็นการยืนยันว่าสถานการณ์ใน จ.สงขลา ลดระดับลง
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า เกิดจากความผิดพลาดของพนักงานที่ทำให้เกิดช่องโหว่ ไม่สนใจการแจ้งเตือนของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้เราสามารถจับภาพคนร้าย และทราบว่าเป็นใคร ส่วนกรณีที่ประเทศมาเลเซียได้ขอความมั่นใจจากรัฐบาลไทยให้ความปลอดภัยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียนั้น ผมยืนยันความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยวมากขึ้น รวมถึงการจัดระเบียบเข้มงวดพื้นที่ชุมนุม เช่น การจอดรถจะต้องมีการเข้าออกเส้นทางเดียว การจอดรถมอเตอร์ไซค์ ต้องมีระเบียบ และต้องทำความเข้าใจกับประชาชนกับนักท่องเที่ยว ถึงมาตรการต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นการรักษาความปลอดภัย และรถยนต์ทุกคันต้องลงทะเบียน พร้อมตั้งจุดตรวจ ในส่วนของตำรวจจะมีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วใน อ.หาดใหญ่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่จะได้ออกปฎิบัติได้ทันที นอกจากนี้จะเพิ่มความเข้มงวดใน จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส ที่อาจเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในเดือนเมษายน และในเดือนพฤษภาคมที่จะมีการประชุมเกี่ยวข้องกับชาติมุสลิม”
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกภาคส่วนจะต้องเพิ่มความเข้มงวดให้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเราต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรทั้งภัยแทรกซ้อน ยาเสพติด ของผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้วันสงกรานต์อาจจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย ซึ่งทุกอย่างเป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น การป้องกันเหตุร้ายใดๆ ก็ตามหากเราป้องกันได้ก็จะดีกว่ามาแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์แล้ว ตนจึงได้เน้นย้ำจะต้องพยายามป้องกันให้ได้ โดยมุ่งไปสู่แผนปฏิบัติที่ชัดเจนทั้งการเตรียม รปภ. และชุดเคลื่อนที่เร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ ในส่วนประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้น ซึ่งตนได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีก
ส่วนความคืบหน้าในการติดตามค้นร้ายทางตำรวจก็ทราบตัวแล้ว โดยมี 2 กลุ่ม และมีชื่ออยู่แล้วในปัจจุบัน ทั้งนี้ไม่ว่าสถานการณ์จะเกิดจากสาเหตุใดแต่มีคนที่พยายามใช้ความรุนแรงอยู่ในพื้นที่ที่มีการซ่องสุมและเพิ่มเติมกำลัง แต่เขาไม่ได้กระทำเพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดนเพียงอย่างเดียว พร้อมที่จะทำในทุกงานที่ได้รับสินจ้าง หรือรางวัล หรือเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรก็ตามจะต้องไม่ทำให้คน 2 ศาสนามีความขัดแย้งกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผู้ก่อการร้ายส่วนหนึ่งยอมรับว่าการต่อสู้ของเขาไม่มีโอกาสชนะ หลายคนก็ถอนตัวมาบ้างแล้ว แต่ยังเหลือบางส่วนที่ยังใช้ความรุนแรงเพื่อให้เกิดผลกระทบโดยรวมทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้คนทั้งโลกมาสนใจ และจะก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาด้วยความเข้าใจ
ทั้งนี้ อยากให้ผู้ก่อความไม่สงบหาหนทางในการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เข้ามาต่อสู้ในทางการเมืองอย่างไรก็แล้วแต่ อย่างเช่นนโยบาย 66/23 ที่เคยทำไว้ ในส่วนการแสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหาภาคใต้ก็ต้องระวังอย่างมาก ทั้งการพูดคุยหรือเจรจา ซึ่งสถานการณ์ภาคใต้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เพราะเขาใช้ยุทธวิธีเลียนแบบการก่อการร้ายแบบกองโจร เขาทำที่ไหนก็ไม่ได้บอกให้รู้ ทุกคนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต้องเรียนรู้ ต้องคิดตามผู้ก่อเหตุให้ทัน ต้องดักทางเขาไว้ให้ได้โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เขาต้องการท้าทายอำนาจรัฐลบความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ และทำให้มีผลกระทบโดยรวม ทั้งนี้เราจะต้องเข้มงวดทุกพื้นที่ทุกเวลา แต่ขอยืนยันว่าทั้งหมดนี้เป็นปัญหาของเราอยู่ เรายังสามารถทำได้ แต่ประชาชนจะต้องให้ความร่วมมืออย่ามุ่งหวังเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเดียว
“อยากขอให้สื่อช่วยติดตาม และนำเสนอผลงานการทำงานของทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ประเทศชาติได้รับรู้ และอยากให้คน 2 ล้านคน 4 ล้านตา ช่วยกันจับจ้องก็จะไม่มีใครสามารถทำอะไรเราได้ เราจะต้องคิดให้ทันโจร ผมอยากประณามคนพวกนี้ว่ามันเลว มันฆ่าคนผู้บริสุทธิ์ ไม่สนใจว่าเป็นไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม ซึ่งคนพวกนี้ใช้ไม่ได้ มันคือโจร มันเป็นสุนัขลอบกัด ต่อหน้ามันไม่เคยสู้เราได้อยู่แล้ว ดังนั้นเราจะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการขจัดคนเหล่านี้ไป หรือไม่ก็เรียกเขาเข้ามา ในมาตรา 21 เรายังให้อภัยเขาเสมอ ถึงจะโกรธจะไม่พอใจ แต่เราเป็นเจ้าหน้าที่และเราเป็นคนไทย เราให้โอกาสมาเถอะ และมาต่อสู้กันทางคดี”
ส่วนจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็จะต้องมีการประกาศ ส่วนงานด้านการข่าวเรารู้ ซึ่งไม่ใช่การข่าวเหมือนในภาพยนตร์ เรารู้แต่เพียงคร่าวๆ ว่าเขาจะทำตรงนั้นตรงนี้ แต่ไม่สามารถระบุความชัดเจนได้ ทุกคนจะต้องระมัดระวัง และงานด้านการข่าวก็ไม่ได้สร้างภายในวันสองวัน ซึ่งที่ผ่านมาแหล่งข่าวของเราก็ถูกทำลายไปเยอะวันนี้เราก็กำลังสร้างขึ้นมาใหม่อีก”
