xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” เปลี่ยนใจบินด่วนดูเหตุคาร์บอมบ์หาดใหญ่ ครม.ถกรับมือเหตุรุนแรงใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (แฟ้มภาพ)
“ยิ่งลักษณ์” กลับลำบินด่วนลงพื้นที่หาดใหญ่ดูเหตุคาร์บอมบ์ โรงแรมลีการ์เดน ก่อนเดินทางไปกัมพูชาเย็นนี้ ส่วนการประชุม ครม.จับตาถกมาตรการรับมือสถานการณ์ใต้หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ ขณะเดียวกันเตรียมออกมาตรการความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมพิจารณาร่าง พ.ร.ฎ.ขอขยายเวลาประชุมสภาฯ ไปถึง 30 เม.ย.


 คลิกที่นี่ เพื่อฟังเสียงของ "น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 เม.ย.) จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเลื่อนการประชุมเร็วขึ้น ที่จะประชุมในวันพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดภารกิจเดินทางไปกัมพูชา เพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย.

อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เปลี่ยนกำหนดการ โดยจะร่วมประชุม ครม.เพียงครู่เดียว จากนั้นจะบินด่วนลงดูพื้นที่คาร์บอมบ์ที่โรงแรมลีการ์เดนส์ จ.สงขลา ก่อนเดินทางไปยัง รพ.หาดใหญ่ เพื่อเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด ทั้งนี้ กำหนดการดังกล่าวเป็นกำหนดการด่วน เมื่อเสร็จสิ้นก็จะกลับมาปฏิบัติภารกิจที่ได้กำหนดไว้ ตรวจเยี่ยมการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2555 ณ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ที่ฐานทัพเรือสัตหีบในเวลา 14.00 น. จากนั้นจะเดินทางไปประชุมอาเซียนซัมมิตที่กัมพูชา ในเวลา 17.00 น.

สำหรับการประชุม ครม.วันนี้ คาดว่า ครม.จะหยิบยกสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาหารือ ซึ่งล่าสุดเกิดเหตุคาร์บอมบ์ถล่มโรงแรมลีการ์เดนส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเหตุจักรยานยนต์บอมบ์ที่ จ.ยะลา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 500 ราย ขณะเดียวกัน ต้องจับตา ครม.จะมีการเพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ และจะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างไรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเสนอขออนุมัติงบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมจ่ายชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ภาคใต้

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมจะพิจารณามาตรการความปลอดภัยบนท้องถนนในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งกระทรวงคมนาคมเสนองดเก็บค่าผ่านมอเตอร์เวย์ และมาตรการจัดโซนนิ่งดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ยังมีวาระการเสนอร่าง พ.ร.ฎ.ขยายระยะเวลาสมัยการประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ จากเดิมที่จะปิดในวันที่ 18 เม.ย. ซึ่งคาดว่าจะขยายออกไปอีกจนถึงวันที่ 30 เม.ย.

ส่วนวาระปกติที่น่าสนใจ เช่น การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม ปี 2554-2555 ในพื้นที่ภาคใต้ โดยขอความเห็นชอบขยายระยะเวลาการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยด้านการเกษตรปี 54 เป็นกรณีพิเศษให้ครอบคลุมเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยในภาคใต้ โดยใช้หลักเกณฑ์ตามมติ ครม.เดิม และขอความเห็นชอบกรอบวงเงินเพื่อช่วยเหลือ รวม 2,659.972 ล้านบาท โดยใช้จ่ายงบกลาง ปีงบฯ 2555 รายการรายจ่ายค่าฟื้นฟูเยียวยาป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และขอความเห็นชอบการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวนาปี 2554/2555 กรณีเสียหายตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.54 ถึงสิ้น มี.ค.55 ในอัตราตันละ 1,437 บาท วงเงิน 221.273 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับการช่วยเหลือเกษตรกรในภาคอื่นๆ ตามมติ ครม.วันที่ 27 ก.ย.54 และวันที่ 28 ก.พ.55 เพื่อให้ครอบคลุมเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจะต้องมีหลักฐานการขึ้นทะเบียน เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและไม่สามารถใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 54/55 เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสามารถตรวจสอบได้ โดยให้ ธ.ก.ส.สำรองจ่ายเงินไปก่อน และสำนักงบประมาณตั้งงบประมาณจ่ายชดเชยให้ภายหลัง

ด้านกระทรวงพาณิชย์ขอความเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงชื่อกรมส่งเสริมการส่งออก เป็นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ด้านกระทรวงคมนาคม เสนอการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 1,107.051 ล้านบาท สำหรับติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตรถไฟ 15 รายการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทั้งนี้เพื่อเป็นการกั้นรั้วเพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุ และความเสียหายแก่ประชาชนที่สัญจรบริเวณทางรถไฟ ในช่วงที่เกิดเหตุอุทกภัย

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ยังเสนอขออนุมัติการกู้เงินของการรถไฟฯ วงเงิน 47,679.770 ล้านบาท โดยขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการหนี้ การขาดสภาพคล่องของ รฟท. และการลงทุน ดังนี้คือ 1.เพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ที่ รฟท.รับภาระจำนวน 11 รายการ วงเงินกว่า 13,000 ล้านบาท 2. เงินกู้เพื่อการลงทุน จำนวน 6 โครงการ ประกอบด้วยโครงการปรับปรุงทางระยะที่ 5 และ 6 โครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการจัดการรถจักรพร้อมอะไหล่ โครงการซ่อมบูรณะรถจักรดีเซลไฟฟ้า โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่ สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 115 คัน และยังเป็นการกู้เงินเพื่อดำเนินการตามแผนก่อหนี้จากต่างประเทศอีก 3 โครงการคือ การจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าขนาดเบา 7 คัน การจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าน้ำหนักกดเพลา 20 ตัน 13 คัน การจัดหารถโบกี้บรรทุกสินค้าอีก 308 คัน

ขณะเดียวกันอาจมีการเสนอของบกลางอีก 1,300 ล้านบาท เพื่อซื้อสับปะรดส่วนเกิน 200,000 ตัน ออกนอกระบบ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาสับปะรดตกต่ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น