xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ กล่าวสุนทรพจน์ ม.สตรีอีฮวา ก่อนพบนักลงทุน 2 ชาติ ชู ศก.ไทยโต 6.5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ยิ่งลักษณ์" หม่ำมื้อเช้าร่วมนักธุรกิจไทย ก่อนไปกล่าวสุนทรพจน์ ม.สตรีอีฮวา เล่ากองทุนสตรี ชูหญิงโสมขาวเรียกร้องสิทธิ์ทำสถานภาพก้าวหน้า ก่อนกลับโรงแรมกินมื้อเที่ยงร่วมภาคธุรกิจ 2 ชาติ ชูหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด โวลงทุน 3.5 แสนล้านแก้น้ำท่วม คาดเศรษฐกิจโต 5.5 - 6.5% โอ่ไทยจะเป็นศูนย์กลางสินค้าเชื่อมอาเซียน

วันนี้ (26 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ สาธารณรัฐเกาหลี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมรับประทานอาหารเช้า (Working Breakfast) ร่วมกับนักธุรกิจไทยเพื่อสอบถามปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงรับฟังคำแนะนำต่างๆ จากภาคเอกชน

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ออกเดินทางจากโรงแรมล้อตเต้ไปยังมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ehwa Woman’s University) กรุงโซล เพื่อกล่าวสุนทรพจน์แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา โดยมี ดร. คิม ซอน อุ๊ก (Kim Sun Uk) อธิการบดีมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา รอให้การต้อนรับ และถ่ายภาพร่วมกัน

ทั้งนี้ นายกฯได้ใช้โอกาสนี้ กล่าวบรรยายพิเศษเกี่ยวกับ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีของไทย แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา ณ ห้องประชุม LG Convention Hall ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาเยือนมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยผู้หญิงล้วนที่เก่าแก่และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ดิฉันได้ทราบมาว่าสถาบันแห่งนี้ได้ผลิตสตรีชั้นแนวหน้าของเกาหลีใต้ในหลายวงการ มีรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสตรีของเกาหลีใต้เกินกว่าครึ่งที่จบการศึกษา ณ ที่นี้ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งของมหาวิทยาลัยในการช่วยยกระดับสถานะของสตรีในสังคม การมาเยือนเกาหลีใต้ของดิฉันครั้งนี้ดิฉันจึงตั้งใจที่จะมาที่นี่ มาเพื่อเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาบทบาทของสตรี และเพื่อจะได้นำไปปรับใช้ในการพัฒนาการศึกษาของสตรีไทยด้วย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชมการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของสตรีในเกาหลีใต้ที่ทำให้สถานภาพของสตรีมีความก้าวหน้ามากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย จากดัชนีชี้วัดความเท่าเทียมทางเพศของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในปี 2011ได้จัดอันดับให้เกาหลีใต้อยู่ในลำดับที่ 11 ของโลก ซึ่งตัวเลขนี้มีความสัมพันธ์กับระดับของการพัฒนาประเทศด้วย โดยปรากฏว่ายิ่งสถานภาพของผู้หญิงอยู่ในอันดับที่สูงมากเท่าไร ระดับของการพัฒนาประเทศก็ยิ่งสูงตามเท่านั้น อันเป็นบทพิสูจน์สำคัญของพลังของสตรีในการช่วยพัฒนาประเทศที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และทำให้เห็นชัดเจนว่าผู้หญิงนั้น มีศักดิ์ศรีและบทบาทไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายในการทำงานและสร้างความเจริญแก่ประเทศแต่ประการใด

“ในขณะเดียวกันผู้หญิงยังมีความอ่อนโยน ละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นพื้นฐานของทักษะในการผลิต การค้า และการบริการที่สำคัญ และความเป็นเพศแม่ช่วยทำให้สังคมมีความเมตตากรุณา ประนีประนอม เกื้อหนุนเพื่อความสงบสันติ นอกจากนี้ ดิฉันเชื่อว่าหากเราทั้งหญิงชายทำงานร่วมกัน เกื้อกูลกัน ทักษะความสามารถที่แตกต่างเมื่อรวมพลังกัน จะนำพามาซึ่งประโยชน์และความเจริญต่อมวลมนุษยชาติได้”น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เล่าถึงสถานะภาพของสตรีของประเทศไทยว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว ผู้หญิงไทยนั้นมีสถานะไม่ได้แตกต่างจากผู้หญิงเอเชียทั่วไปและผู้หญิงเกาหลีใต้เท่าใดนัก กว่าที่ตนมายืนตรงนี้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้ได้การยอมรับ และถึงแม้เมื่อดำรงตำแหน่งแล้วก็ยังต้องพิสูจน์ตนเองทุกวันไม่หยุดหย่อน ตนเข้าใจดีว่าเส้นทางของผู้หญิงที่จะประสบความสำเร็จได้มีอุปสรรคขวากหนามมากมาย ต้องอดทนหนักแน่น และที่สำคัญที่สุดคือการใช้ความสามารถไขว่คว้า “โอกาส” ที่เปิดขึ้นเพื่อจะได้ใช้ศักยภาพของตนอย่างเต็มที่ในการพัฒนาประเทศอันเป็นที่รัก

“ดังนั้น เหตุผลหนึ่งที่สู่วงการเมือง คือต้องการผลักดันการ “สร้างโอกาส” ให้กับพี่น้องสตรีทุกวัยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในวงการธุรกิจ การเมือง หรืออื่นใดก็ตาม และในการที่จะใช้โอกาสนั้นสร้างสถานภาพทางเศรษฐกิจที่มั่นคงตลอดจนการดูแลครอบครัวและตนเองให้มีความสุขซึ่งวันนี้ประเทศไทย มีรัฐธรรมนูญที่ประกันสิทธิของหญิงชายอย่างเท่าเทียมกัน มีการจัดทำแผนพัฒนาสตรีแห่งชาติมีการออกมาตรการทางกฎหมายเพื่อรองรับหลายฉบับ แต่โอกาสและบทบาทของสตรียังสามารถก้าวไกลไปกว่าที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร”นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายสำคัญและเร่งด่วนเพื่อส่งเสริมบทบาทสตรี ด้วยการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการลงทุน พัฒนาอาชีพ สร้างงานสร้างรายได้ และความรู้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ผู้หญิงทุกคน ตลอดจนองค์กรและเครือข่ายสตรีสามารถใช้เงินกองทุนเพื่อนำไปเสริมสร้างสวัสดิภาพและสวัสดิการของสตรี รวมทั้งนำไปสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาของสตรี อาทิ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว การช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ และการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลทางเพศ ทั้งนี้กองทุนจะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงในทุกระดับไม่ว่ายากดีมีจน ในเมืองหรือในชนบทเข้ามามีส่วนร่วมดิฉันภูมิใจที่จะรายงานให้ทราบว่า หลังจากกองทุนตั้งมาได้เพียง 1 เดือน มีผู้หญิงไทยทั่วประเทศเข้ามาเป็นสมาชิกแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน โดยดิฉันตั้งเป้าว่าต้องการให้ผู้หญิงไทยเข้าเป็นสมาชิกให้ได้มากที่สุดเพราะดิฉันเชื่อว่าโอกาสที่เปิดขึ้นจากการมีกองทุนจะทำให้ผู้หญิงไทยมีเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของตนเพื่อประโยชน์ของครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติต่อไป

นายกฯ เชื่อว่า พลังของผู้หญิงไม่จำกัดอยู่แต่ในระดับชุมชนหรือประเทศ แต่หากยังสามารถเชื่อมโยงเกื้อหนุนเพื่อประโยชน์ของชาวโลกได้ด้วย เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ตนได้มีโอกาสหารือกับท่านบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ โดยได้แจ้งแก่ท่านว่า ประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการ Every Woman Every Child (EWEC) ภายใต้แผนยุทธศาสตร์โลกสำหรับสุขภาพของสตรีและเด็ก ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความริเริ่มของท่านเลขาธิการสหประชาชาติ ในนามของประเทศไทยได้มอบคำมั่นแสดงเป้าหมายของการพัฒนาสุขภาพของสตรีในประเทศไทย เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสตรี และพร้อมที่จะร่วมมือกับสหประชาชาติในการบรรลุซึ่งเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ในโอกาสดังกล่าวยังได้แสวงหาความร่วมมือกับสหประชาชาติให้มาช่วยพัฒนาการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีของไทย โดยได้เชิญให้องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อนำประสบการณ์และข้อเสนอแนะมาใช้ประโยชน์ต่อไปด้วย

“ทุกท่านมีความสามารถและมีความพร้อม ดังนั้น หากได้รับโอกาสก็จะสามารถก้าวไปตามความฝันที่ทุกท่านได้ตั้งใจไว้ ก็มั่นใจว่าทุกท่านจะเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับบทบาทของสตรี ให้เป็นผู้นำในการพัฒนาสังคมและประเทศ ให้ก้าวไกลดั่ง “อีฮวา” หรือการเบ่งบานของดอกแพร์ตลอดไป” นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายให้กำลังใจกับพี่น้องผู้หญิงที่อยู่ในสถาบันการศึกษาแห่งนี้

สำหรับมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเกาหลีใต้ และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอย่างมากของเกาหลีใต้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2429 โดยมิชชันนารี Mary F. Scranton เพื่อให้สตรีมีความรู้ขั้นสูงในด้านต่างๆ โดยคำว่า “ อีฮวา” หมายถึง Pear Blossoms และชื่อของมหาวิทยาลัยที่ใช้คำว่า Womans แทน Women เพื่อต้องการเน้นถึงผู้หญิงหลายคน โดยมหาวิทยาลัย ยึดหลัก 3 ประการ ได้แก่ ความรู้ ความดี และความงาม ที่ผ่านมา มีนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา ทั้งในระดับปริญญาตรี-โท-เอก รวมทั้งสิ้น ประมาณ 180,000 คน โดยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของรัฐมนตรีหญิงและสมาชิกรัฐสภาหญิงของเกาหลีใต้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนี้ ปัจจุบัน มีนักศึกษาที่ลงทะเบียนประมาณ 20,000 คน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยฯยังมีประสบการณ์ต้อนรับผู้นำสตรีระดับสูงจากประเทศต่างๆ และมหาวิทยาลัยฯให้ทุนการศึกษา Ewha Global Partnership Program แก่นักศึกษาจากประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักเรียนไทยได้รับทุนนี้ภาคเรียนละ 1 - 2 ราย

จากนั้นในเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ภายหลังเสร็จสิ้นการกล่าวสุนทรพจน์แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับโรงแรมที่พัก เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับภาคธุรกิจเอกชนไทย-เกาหลีใต้ ณ ห้อง Crystal Ballroom โรงแรมล้อตเต้ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีผู้ร่วมงานทั้งสิ้นกว่า 450 คน ซึ่งผู้ร่วมงานจากภาคเอกชนเกาหลี ประกอบไปด้วยบริษัทเอกชนชั้นนำและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาทิ บริษัท Samsung LG Hyundai K-Water SM Entertainment และบริษัท KORAIL เป็นต้น

ทั้งนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ นายนิชคุณ หรเวชกุล ศิลปินนักร้องชาวไทยที่ไปโด่งดังมีชื่อเสียงในเกาหลี และเป็นที่ยอมรับชื่นชอบของชาวเกาหลี ได้เดินทางมามอบช่อดอกไม้เพื่อต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี และได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อรับฟังนายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ด้วย

โอกาสนี้ นายกฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงอาหารกลางวันภาคธุรกิจเอกชนไทย-เกาหลีใต้ โดยเริ่มต้นด้วยการชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-สาธารณรัฐเกาหลีว่า เป็นมิตรและหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด และมิตรภาพนี้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงสงครามเกาหลี ที่ร่วมกับสหประชาชาติเพื่อรักษาเสรีภาพ และวันนี้ สาธารณรัฐเกาหลีมีเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าและประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ซึ่งภาคเอกชนเองมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จนี้ และทำให้สาธารณรัฐเกาหลีเป็นผู้นำในภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไทยและสาธารณรัฐเกาหลีได้ร่วมสร้างการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่เข้มแข็ง รวมทั้งความผูกพันระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ในด้านการค้าและการลงทุน กว่า 500 บริษัทของเกาหลีดำเนินธุรกิจในไทย ปีที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 15.1 พันล้านวอน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปีที่แล้ว ขณะที่การลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 ส่วนการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเกาหลีเดินทางไปไทยกว่า 1 ล้านคน ส่วนนักท่องเที่ยวไทยมาเกาหลี 310,000 คน ซึ่งจะต้องผลักดันการขยายตัวทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้กล่าวให้ความเชื่อมั่นถึงความเป็นหุ้นส่วนของไทยว่า จากวิกฤติอุทกภัยในปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการลงทุนด้านการบริหารจัดการน้ำ มูลค่า 350,000 ล้านบาท เพื่อป้องกันอุทกภัยในหน้าฝนที่จะมาถึง ในการนี้ ได้จัดการปรับอัตราการกักเก็บน้ำเพื่อให้เขื่อนเก็บน้ำมากขึ้นในช่วงหน้าฝน การป้องกันเขตอุตสาหกรรม โดยมีแนวกันน้ำรอบๆนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ที่สำคัญ ศูนย์สั่งการเดียว หรือ The Single Command ได้มีการจัดตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานแบบ One Stop Service ที่มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมา มีแหล่งข้อมูลข่าวสารที่มากมายเกี่ยวกับการพยากรณ์ ทำให้ต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานเดียวที่ทำหน้าที่เตือนภัย พยากรณ์ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน

ทั้งนี้ แม้ว่าไทยจะประสบวิกฤติอุทกภัย แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจยังคงเข้มแข็ง การเติบโตที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจาก การส่งออกที่เข้มแข็ง การใช้จ่ายโครงการบริหารจัดการน้ำ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น จึงคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 5.5 - 6.5 และสถานะทางการเงินการคลังที่เข้มแข็ง เหล่านี้เป็นปัจจัยทำให้รัฐบาลสมารถขับเคลื่อนการขยายการลงทุนต่อไปได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มีนโยบายที่เป็นมิตรต่อการลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุน โดยจะลดภาษีรายได้ของบริษัทลงเป็นร้อยละ 23 ในปีนี้ และจะลดเป็นร้อยละ 20 ในปีหน้า รวมทั้งการส่งเสริมให้จัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย

“รัฐบาลได้ลงทุน 72 พันล้านเหรียญสหรัฐในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ใน 5 ปีข้างหน้า เช่น รถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย ที่จะเชื่อมอาเซียนกับเอเชียใต้และโดยรอบ ซึ่งเชื่อมั่นว่า โครงการเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ และขยายการเชื่อมโยงต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าการลงทุนในไทยต่อไป ดังนั้น ไทยจึงเป็นศูนย์กลางสำหรับสินค้า ผลิตภัณฑ์ในการเชื่อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนที่มีผู้บริโภคดึงดูดการลงทุนยิ่งขึ้น”นายกฯ ระบุ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังได้เชิญชวนนักลงทุนเกาหลีให้เข้ามาลงทุนในไทย ในอุตสากรรมที่เพิ่มมูลค่าเช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า รถยนต์ และอะไหล่ เครื่องจักรและเครื่องมือ พลังงานทางเลือก และการแปรรูปเกษตร รวมทั้งการบริการที่เพิ่มมูลค่า เช่น การวิจัยและพัฒนา การตั้งสำนักงานระดับภูมิภาค อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น บันเทิงและซอฟท์แวร์ พร้อมกันนี้ยังได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ความเป็นหุ้นส่วนไทยและเกาหลีจะพัฒนายิ่งขึ้น และภาคเอกชนเกาหลีจะเป็นเสาหลักของความเป็นหุ้นส่วนนี้

ภายหลังการกล่าวสุนทรพจน์ นายกฯได้เปิดโอกาสให้บริษัทเกาหลีต่างๆที่สนใจลงทุนในประเทศไทย เข้าพบหารือเป็นรายบริษัท อาทิ บริษัทแอลจี อิเลคทรอนิคส์ บริษัท ซัมซุง กรุ๊ป บริษัทเหล็ก ยูเนี่ยน สตีล
กำลังโหลดความคิดเห็น