“สุรพงษ์” ยกการเมืองระดับโลกข่มฝ่ายค้าน ใช้เวทีญี่ปุ่นประจาน “ปู”

รมว.ต่างประเทศ ยกนักการเมืองระดับโลกข่มฝ่ายค้านไทยล้าหลัง ใช้เวทีญี่ปุ่นโจมตีนายกฯ ฟุ้งต่างชาติหนุน รบ.ที่มาจากประชาธิปไตย ทำมึนไม่รู้ “ทักษิณ” บอกไทยเสียเปรียบชายแดนกัมพูชา เตรียมชงเอ็มโอยูเข้าครม.ยันกรอบเจรจาต้องขอความเห็นชอบต่อรัฐสภา เพื่อความโปร่งใส

วันนี้ (12 มี.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านโจมตีนายกรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรีในการแสดงปาฐกถาภาษาไทยในเวทีหอการค้าญี่ปุ่นว่า เข้าใจฝ่ายค้านว่าต้องค้านทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นฝ่ายค้าน ต่างจากในประเทศอื่น เช่น สหรัฐอเมริกา เขาเป็นฝ่ายค้านก็สามารถสนับสนุนได้ เขาจะไม่มีมาตีกันเองในต่างประเทศให้คนเห็น เพราะเป็นเรื่องที่ไม่พึงปฏิบัติ นักการเมืองระดับโลกเขาไปถึงขนาดนั้นแล้ว มีประเทศไทยที่นักการเมืองยังล้าหลัง ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินทางไปก็ไม่ทราบว่าไปทำอะไร หลังจากที่เราได้พบนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นพูดชัดเจนว่ารัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งเขาสนับสนุน

นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงคณะนักธุรกิจสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐอเมริกาเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือถึงการค้าการลงทุนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้พูดเป็นภาษาอังกฤษให้นักลงทุนฟังว่าประเทศเราเป็นประชาธิปไตยแล้ว ความมั่นคงทางการเมืองของเราวันนี้ดีขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา ทุกครั้งเวลาเจอนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ หรือนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้พูดถึงความเป็นประชาธิปไตยในประเทศไทย เขาให้การสนับสนุน รวมทั้งที่พบนายกรัฐมนตรีบาห์เรนมาพบนายกรัฐมนตรี ก็พูดเรื่องประชาธิปไตย ฉะนั้นที่เราอยู่ในช่วงประชาธิปไตยที่ดีแล้วมันควรเดินต่อได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังพบปะกับผู้บริหารบริษัท เชฟรอน และบริษัท โคโนโก ว่า ทั้ง 2 บริษัทนี้เขาเคยได้รับสัมปทานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชาก่อนที่จะเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเขาได้สอบถามเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชาจะเป็นอย่างไร ตนได้บอกเขาว่าหลังจากที่รัฐบาลที่แล้วถอนเอ็มโอยูออกไป ก็ได้ให้กรมสนธิสัญญาดำเนินการและได้สรุปที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี แต่ยังไม่รู้จะทัน ครม.วันที่ 11 มี.ค.หรือไม่ แต่สมมติว่าคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เดินต่อจะเอาเอ็มโอยูเข้าขอถามความเห็นชอบตามมาตรา 190 ต่อรัฐสภา และบอกว่าจากนี้ไปเราจะทำเปิดเผยหมด ไม่มีอะไรซ่อนเร้น เรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างอ่อนไหวกับประเทศไทย เพราะเคยมีปัญหาขึ้นมา ซึ่งเขาเข้าใจแล้ว ทุกครั้งเวลาไปเจอกับกัมพูชาเขาจะถามว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้เมื่อไหร่ ตนบอกว่าต้องผ่านคณะรัฐมนตรีและเข้ารัฐสภา ยืนยันทุกอย่างจะทำเปิดเผย และคนไทยไม่ต้องห่วงไม่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้น ไม่มีผลทับซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีบอกว่าไทยจะเสียเปรียบกัมพูชาบริเวณชายแดน นายสุรพงษ์กล่าวว่า อันนี้ไม่รู้ ตนทำของตนอย่างนี้ เรื่องนั้นไม่ได้ติดตาม ไม่รู้ท่านพูดว่าอะไร แต่ตนทำทุกอย่างตามขั้นตอน ถ้าคณะรัฐมนตรีอนุมัติเราถึงจะไปตกลง กรอบเจรจาต้องนำเข้าสภาเพื่อเห็นชอบ จึงจะไปเจรจาตกลง ทีนี้จะเสียอะไรเรายังไม่ได้ตกลงเลย ทั้งนี้วันที่ 20-21 พ.ค. จะมีการประชุมรัฐมนตรีไทยกับกัมพูชา จัดที่ประเทศไทย อาจจะใช้พื้นที่พัทยาหรือหัวหิน เป็นระดับรัฐมนตรี ข้าราชการ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้ามามีบทบาทหรือไม่ นายสุรพงษ์ตอบว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องระหว่างรัฐไทยกับกัมพูชา รายละเอียดจะหารืออะไรอยู่ที่สภาอนุมัติให้พูดแค่ไหนอย่างไร จากนี้จะมีการแถลงข่าวให้ทราบตลอด

นายสุรพงษ์กล่าวถึงกรณีเตรียมการอพยพคนไทยในอิสราเอลหากเกิดเหตุรุนแรงว่า เราพร้อมช่วยเหลือคนไทยอยู่แล้ว ถ้ามีเหตุการณ์วุ่นวายมากก็นำกลับมา แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงขนาดที่ว่าต้องอพยพ ต้องดูอีกครั้งและขึ้นอยู่กับเขาร้องขอมาด้วย โดยตนจะให้ปลัดกระทรวงติดตามเรื่องนี้ จากตัวเลขคนไทยทำงานที่นั่นประมาณหลักหมื่นคน ทั้งนี้จากข่าวที่รายงานพบว่ามีคนไทยบาดเจ็บ 4 คน ส่วนจะต้องส่งกลับไทยหรือไม่นั้น ขอสอบถามรายละเอียดกับปลัดฯก่อน