xs
xsm
sm
md
lg

“เฉลิม” แบไต๋ รธน.ใหม่ต้องคุมเข้ม “ศาลปกครอง-ศาล รธน.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง (แฟ้มภาพ)
“เฉลิม” บอกรู้ล่วงหน้าถ้าขยับแก้ รธน.มีปัญหาแน่ แต่สู้เสียงส่วนใหญ่ในพรรคไม่ได้ ยื่นยันไม่แตะหมวดสถาบัน ส่วน “องค์กรอิสระ-ศาล-ช่วยทักษิณพ้นผิด” ไม่รับปาก อ้างเป็นเรื่อง ส.ส.ร. แบไต๋ไม่เอาระบบศาลคู่ แต่หากมีศาลปกครอง-ศาล รธน.ต้องมีระบบตรวจสอบ ย้ำแก้ รธน.ล้างผิด “นช.แม้ว” ไม่ได้ต้องอภัยโทษ หรือนิรโทษกรรม

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการสำรวจความเห็นประชาชนเป็นห่วงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดความแตกแยก ซึ่งมีบางคนเสนอให้มีการทำประชามติทั้งก่อนและหลังยกร่างรัฐธรรมนูญยอมเสียเงินเพื่อความสบายใจว่า ตนเคยพูดมาก่อนแล้วในพรรค แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ และครม.มีมติออกมาตนก็ต้องปฏิบัติตาม ตนเกิดกรุงเทพฯ และอยู่กับสายข่าวมาตลอด รู้ว่าถ้าจะเริ่มขยับอะไรแล้วปัญหาจะเกิด แต่ตนไม่ใช่คนมีอำนาจตัดสินใจ ตนถือโอกาสนี้ตอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านที่เรียกร้องให้แสดงจุดยืนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 1. รัฐบาลแสดงจุดยืนแน่นอนห้ามแตะต้องหมวดพระมหากษัตริย์ 2. พรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนแน่นอนชัดเจนห้ามแตะต้องหมวดพระมหากษัตริย์ในการแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และตนเองรวมทั้งท่านนายกฯ ก็พูดมาประมาณ 10 ครั้ง และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็พูด ส่วนพรรคเพื่อไทยก็แถลงแล้วแถลงอีก การแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

“คนทั้งประเทศเข้าใจหมด แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เข้าใจ พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจช้ามาก และผมก็ไม่คิดว่าคนอย่างนายอภิสิทธิ์จะไม่เข้าใจ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่จะยกร่าง เป็นเรื่องของ ส.ส.ร.ที่ได้รับเลือกตั้ง ถ้าเราไปกดดัน ส.ส.ร.ว่าต้องทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้มันก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย ก็ไหนชื่อพรรค Democrat Party ไง ก็ต้องให้เกียรติ ส.ส.ร. นี่ใครจะได้รับเลือกก็ยังไม่รู้และเมื่อได้รับเลือกมาแล้วเขาจะคิดแก้ไข อย่างไรก็ไม่มีใครทราบ ผมแสดงจุดยืนได้อย่างเดียวไม่ให้แตะต้องหมวดพระมหากษัตริย์และไม่มีการแก้ ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วกับพรรคประชาธิปัตย์”

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์เปิดใจเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้สถานการณ์เบาลงหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วก็คุยกับท่านบ่อย ท่านเป็นห่วงประเทศชาติไม่ได้ห่วงตัวเอง และท่านก็บอกตนว่าท่านเฉยๆ จะกลับประเทศไทยเมื่อไหร่ก็ได้ไม่เป็นไร แต่ท่านห่วงประเทศชาติ อยากให้ประเทศชาติพัฒนาและมีความปรองดอง ไม่อยากให้ทะเลาะเบาะแว้ง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความห่วงใยที่ท่านมีต่อคนยากคนจน ก็เลือกตั้งทีไรถึงชนะทุกที

ต่อข้อถามว่าคิดว่าเป็นเจตนาของฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ที่พยายามจะให้ไม่สามารถปรองดองกันได้ จึงหยิบเรื่องความขัดแย้งขึ้นมา รองนายกฯ กล่าวว่า เท่าที่ดูพวกดาวรุ่งใหม่ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์แถลงแต่ละวัน ไม่เห็นมีสาระเลย และบทบาทในสภาแสดงแบบรุนแรงเหมือนสงครามอ่าวเปอร์เซีย แต่ไม่สำเร็จหรอก พวกตนไม่ตกหลุม ไม่เล่นด้วย และเรียนเชิญเลยนายกฯมอบหมายให้ตนดูแลทั้งด้านการข่าวและการดูแลการชุมนุม เชิญมาทุกกลุ่มมาชุมนุมเลย ไม่มีการไปขัดขวางเด็ดขาด ตนสั่งตำรวจให้อยู่ห่างรัศมีประมาณ 200 เมตร อย่าไปยุ่งกับเขาเดี๋ยวหาว่าคุกคามทางกายภาพ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายกลุ่มมีข้อเรียกร้องมาถึงรัฐบาลว่าการแก้รัฐธรรมนูญต้องไม่ไปตัดทอน อำนาจขององค์กรอิสระ และไม่เป็นการแก้ไขเพื่อฟอกผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่หรอก คนเรียกร้องมาเรียกร้องผิดที่ รัฐบาลไม่ได้แก้ไข ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่รัฐบาลแก้ไข มาตรา 291 จำนวน 17 ประเด็นเพื่อให้มี ส.ส.ร.แล้วมาเรียกร้องกับรัฐบาลทำไม ไอ้พวกเรียกร้องควรจะเรียกร้องเมื่อมี ส.ส.ร.แล้ว แต่นี่มาผิดงาน ทำให้สับสนวุ่นวาย

เมื่อถามว่า ต้องให้สมาชิกพรรคช่วยกันชี้แจงต่อประชาชนให้มากขึ้นหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไปทุกที่ก็ชี้แจงเสียงปรบมือก็ลั่นห้อง และฝากไปยังพรรคประชาธิปัตย์เลิกเสียทีเถอะที่ให้รัฐบาลยืนยันจะไม่แก้ตรง นั้นตรงนี้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล รัฐบาลยืนยันห้ามแตะหมวดพระมหากษัตริย์และไม่ยอมโดยเด็ดขาดที่จะแก้มาตรา 112 เข้าใจหรือยัง ถ้าเข้าใจแล้วต้องหยุดพูด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมรัฐบาลไม่ยอมยืนยันว่าจะไม่แก้ไขหมวดเกี่ยวกับศาล รองนายกฯ กล่าวว่า เพราะเราไม่รู้ว่า ส.ส.ร.เขาจะว่าอย่างไร ซึ่งถ้าจะให้ส่งสัญญาณทางไปคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มันมากไป ตนเคยพูดในฐานะ รมว.ยุติธรรมไว้เมื่อปี 38 เมื่อก่อนตนไม่เห็นด้วยเลยกับระบบศาลคู่เพราะไม่มีการตรวจสอบ เวลาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมืองเวลาจะพิจารณาเขาจะเลือกผู้พิพากษามาจากองค์ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา พอมีอีกคดีเขาก็จะเลือกใหม่ และในจำนวน 9 ท่าน

“หากจำเลยเข้าใจว่าอาจจะไม่เป็นธรรมหรือมีเหตุอันควรเชื่อ ก็ร้องเปลี่ยนตัวได้ หรือมีพฤติกรรมไม่ดีก็ร้องต่อ คณะกรรมการข้าราชการตุลาการ (ก.ต.) ได้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็เช่นเดียวกันมี ก.ต.คุ้มครองแต่ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีระบบการตรวจสอบ ถ้ามีศาลคู่มันต้องมีระบบตรวจสอบ จะคงไว้ต่อไปผมก็ไม่ขัดข้องแต่ต้องมีระบบการตรวจสอบ ตนคิดเรื่องนี้มา 17 ปีแล้ว ไม่ใช่มาสอดคล้องกับข้อเสนอของนายวัฒนา เมืองสุข ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งคิดเมื่อเดือนที่แล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าเรื่องศาลและองค์กรอิสระต้องปรับบทบาทที่มีอยู่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ใช่คำว่าอย่างนั้น แต่จะทำอย่างไรก็แล้วแต่ ต้องมีระบบตรวจสอบเหมือนศาลยุติธรรม ถ้าอยากทำหน้าที่ต้องมีระบบตรวจสอบ ต้องยึดศาลยุติธรรมเป็นแม่แบบ จะมีศาลคู่อย่างไรก็ได้แต่ต้องมีระบบตรวจสอบได้เหมือนศาลยุติธรรม สังคมก็ไม่กังวลใจ วันนี้ศาลยุติธรรมมีมาตรฐานที่สุด แต่ตนไม่ได้ว่าศาลอื่นไม่มีมาตรฐาน แต่ระบบตรวจสอบไม่มี ถ้าตรวจสอบไม่ได้อันตราย อย่ามามองนักการเมืองว่าไปรังเกียจ กี่ร้อยปีที่ไม่มีศาลคู่ แล้วประเทศชาติอยู่มาได้อย่างไร ส่วนองค์กรอิสระมีการตรวจสอบถอดถอนได้อยู่แล้ว ซึ่งวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปีเท่าผู้แทนราษฎรถือว่ากำลังดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้ระบุว่าจะไม่เปิดช่องให้มีการล้มล้างคำ พิพากษาคดีความต่างๆ ของอดีตนายกฯ ทำไมรัฐบาลไม่กล้าเขียนไปให้ชัด รองนายกฯ กล่าวว่า “แค่คิดก็ผิดแล้ว ร่างรัฐธรรมนูญอีกร้อยฉบับก็ล้มเลิกไม่ได้ เขาไม่เข้าใจหรือเข้าใจแล้วแกล้งไม่เข้าใจ ให้แก้รัฐธรรมนูญอีกร้อยฉบับ คำพิพากษาที่มีอยู่แล้วมันล้มเลิกไม่ได้ เอาอะไรมาพูด คดีความที่ศาลตัดสินไปแล้วมันเปลี่ยนแปลงคำตัดสินไม่ได้ ยกเว้นแต่จะมีการอภัยโทษหรือนิรโทษกรรม” รองนายกฯ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น