xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธศาสตร์เพื่อไทยทิ้งภาคใต้ ขวาง “ทักษิณ” กลับมายุ่งแน่!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
รายงานการเมือง

ชั่วโมงนี้ ครม.ยิ่งลักษณ์ต้องประคองสถานการณ์ฝ่ามรสุมร้าย ด้วยการเดินหน้าทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เร่งปั่นผลงานให้ปรากฏต่อสายตาประชาชนอย่างต่อเนื่อง พยายามเข็นนโยบายต่างๆ ตามที่หาเสียงไว้ออกมาเป็นรูปธรรม ล่าสุดโครงการวันแท็ปเล็ตเปอร์ชาย ก็ใกล้คลอดออกมาแล้ว

“ยิ่งลักษณ์” ที่กำลังโดนลากไส้ขยายปมชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ใช้วิธีก้มหน้าก้มตาเดินสายไปต่างจังหวัด ทั้งทัวร์ลุ่มน้ำ ครม.สัญจร ที่จัดขึ้นที่ จ.อุดรธานี หลบเลี่ยงเบี่ยงกระแส ปล่อยให้ลิ่วล้อสารพัดโฆษกออกหน้าแก้ต่างแทน

แม้กระแส “ยิ่งลักษณ์ ณ โฟซีซั่นส์” จะร้อนแรง เดือดเข้มเพียงใด ฝ่ายค้านจี้ยิ่งลักษณ์ให้ออกมาชี้แจงแถลงไขอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่นายกฯปูแดงผู้เร้าร้อนเลือกใช้วิธีตีชิ่ง เดินหน้าทำงานอย่างเดียว ก่อนที่เรื่องราวก็ถูกเฉลยจากคนที่เกี่ยวข้องมาเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่เศรษฐา ทวีสิน, อนันต์ อัศวโภคิน, กิตติรัตน์ ณ ระนอง ทำให้สังคมยิ่งตั้งข้อสงสัยในประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน

ถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ใช้เวลาราชการแอบไป “มีลับลมคมใน” สร้างความแคลงใจต่อสังคม ฝ่ายตรงข้ามหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกสนาน ยิ่งลักษณ์เสียรังวัด เสื่อมถอยไปเยอะ

วันนี้ยิ่งลักษณ์ต้องแก้ไขความตกต่ำในเรื่องศรัทธา ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานเรียกศรัทธาคืน พูดไม่เก่ง ชี้แจงไม่เก่ง จึงต้องใช้วิธีทำงานแทน ช่วงนี้รัฐมนตรีแต่ละคนกรอบเป็นข้าวเกรียบ โดยเฉพาะคนที่มักถูกนายกฯเรียกใช้เป็นประจำอย่าง กิตติรัตน์ และ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล

เพราะกวาดสายตาไปดูบรรดา รัฐมนตรีที่มีอยู่ใน ครม.ชั่วโมงนี้ ส่วนใหญ่หาทำยายาก น้อยคนที่ทำงานเป็นโล้เป็นพาย จน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประเทศไทยตัวจริง ต้องสั่งการผ่านไปถึงรัฐมนตรีทั้งหลายให้ช่วยกันทำงานเป็นทีม ทำงานเพื่อภาพรวมของรัฐบาลด้วย ไม่ใช่เอาแต่รับผิดชอบงานในกระทรวงตัวเอง ที่สำคัญต้องช่วย ยิ่งลักษณ์ ให้มากกว่านี้ มีประเด็นอะไรต้องรีบออกมาช่วยชี้แจง

แต่เท่าที่เห็นคนพูดจาเก่งๆ ฉะฉาน ตอบโต้อย่างมีชั้นเชิง ก็มีเพียง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ คนเดียวเท่านั้น แต่เฉลิมก็เอาไม่อยู่ แถมยังมาเจอข้อหาเมาเข้าสภาอีก ก็คงต้องงดใช้บริการรายนี้ไปก่อน ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่ได้เรื่อง ส่วนสารพัดโฆษกก็ยังอ่อนเชิง ชั้นไม่ถึงทั้งนั้น จึงเป็นเรื่องลำบากที่จะไปตอบโต้ ต่อล้อต่อเถียงกับฝ่ายค้าน ที่แต่ละคนฝีปากระดับพระกาฬ

สร้างภาพก้มหน้าก้มตาทำงานให้บ้านเมือง จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าจะมาตอบโต้ทางการเมือง ซึ่งดูท่าว่าตัวเองจะเป็นรองอยู่หลายขุม..

การประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุดรธานี ที่ผ่านมีการเทกระจาดหว่านงบเช่นเดียวกับที่เชียงใหม่ เน้นไปที่โครงการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะภัยแล้งซ้ำซาก การขยายโครงข่ายการจราจร รถไฟ รถไฟความเร็วสูง และพัฒนาให้อีสานเหนือเป็นแหล่งการท่องเที่ยว แจกกันไม่อั้นเป็นแสนๆ ล้าน ไม่น้อยหน้าภาคเหนือ เพราะทั้งเหนือ-อีสาน ล้วนเป็นฐานคะแนนเสียงที่แข็งแกร่งของพรรคเพื่อไทย เป็นที่มั่นสำคัญในการผลักดันให้เป็นรัฐบาลมาตลอด

บรรดารัฐมนตรีกระจายตัวไปติดตามโครงการต่างๆ ของทุกจังหวัดในอีสานเหนือและกลาง ที่จะเสนอของบจากครม. ก็อนุมัติกันสะดวกลื่นปรื๊ด เพราะถือเป็นกากี่นั้ง คนกันเอง ขออะไรมาถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ไฟเขียวให้หมด ขอเท่าไหร่ก็ว่ามา..

ก็น่าจับตาว่าการประชุม ครม.สัญจรครั้งต่อไปที่ภูเก็ต ภาคใต้ฐานที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการจัดหนัก แจกแหลกเช่นเดียวกับที่ภาคเหนือ-อีสานหรือไม่ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า รัฐบาลคงจัดงบแบบเสียไม่ได้ อนุมัติงบอย่างจำกัดจำเขี่ย ซึ่งจะต้องมีเสียงครหานินทาตามมาแน่นอน

คณะยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะระดับมันสมองบ้านเลขที่ 111 ได้เคยประเมินการเมืองในภาพใหญ่ และได้ตัดสินใจให้พรรคเพื่อไทยเดินยุทธศาสตร์แบบละทิ้งภาคใต้ เน้นรักษาฐานภาคอีสาน เพิ่มเติมภาคเหนือ เจาะภาคกลาง ทะลวง กทม.

เพราะหลังจากลองผิดลองถูกกับภาคใต้มาหลายครั้ง ปรากฏว่าผลการเลือกตั้งออกมาครั้งใด ก็แพ้รูดทะราดไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงคิดว่าเสียเวลาเปล่า เอาเวลา เอางบประมาณ ไปรักษาฐาน ไปเพิ่มคะแนนในภาคอื่นๆ ดีกว่า

เพียงแต่ยุทธศาสตร์ที่ว่าพูดเสียงดังไม่ได้ ออกอากาศไม่ได้ เพราะมันจะสะท้อนถึงความเป็นภาคนิยม ไม่ใช่พรรคของคนทั้งประเทศ โดนด่าเปิดเปิง ถล่มแหลกจมธรณีแน่

ฉะนั้นจึงสังเกตได้จากการทำงานของรัฐบาลในซีกของเครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ช่วงหลังมานี้ แทบไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดมรรคผลที่ภาคใต้อย่างจริงจัง เอะอะก็จะทุ่มงบเทกระจาดลงไปที่ภาคเหนือ-อีสานเท่านั้น การประชุม ครม.สัญจรที่ภาคใต้ ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่า คงไม่มีงบประมาณมากระจายมากเท่าที่เหนือ-อีสาน ไม่แน่ว่าการประชุม ครม.สัญจรที่ภูเก็ต อาจกลายเป็นการแวะมาปิคนิค พักผ่อนริมทะเลของ ครม.!!

นอกจากนี้ ทีมกุนซือพรรคเพื่อไทยยังวางยุทธศาสตร์ขยายฐานเจาะลึกลงไป เก็บละเอียดไปถึงฐานการเมืองท้องถิ่น ทั้ง อบจ. อบต. ซึ่งยังเน้นไปที่ภาคเหนือและอีสานเช่นเดิม และพยายามเจาะอย่างหนักที่ภาคกลาง ส.ส.บางคนต้องการจะทิ้งเก้าอี้ไปลงสมัครนายกฯอบจ. แต่ถูกทางพรรคสั่งห้าม เพราะจะไม่มีคำตอบที่สมควรให้ประชาชนในการเลือกตั้งซ่อม

ขณะเดียวกันก็พยายามกวาดต้อน ส.ส. อดีต ส.ส.ที่ยังมีความแข็งแกร่งในพื้นที่ กลับเข้ามาอยู่ในสังกัดมากที่สุด โดยใช้รูปแบบเดิม ใครไม่มางบไม่ลง บีบกันหน้าดำหน้าเขียว วางแผนเป็นรัฐบาลยาวนาน เพราะรู้ดีว่าฝ่ายตัวเองค้านไม่เป็น ถ้าค้านนานมีหวังพรรคแตกเป็นเสี่ยง อย่างที่เคยเกือบเกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ทีมยุทธศาสตร์ระดับมันสมองกลับมองว่าการรีบเร่งนำพ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็น และมันอาจเป็นชนวนความขัดแย้ง ชนวนเหตุให้รัฐบาลต้องล้มครืนไปด้วยเหตุผลพิเศษที่คาดไม่ถึง การกลับบ้านของ พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะต้องทอดยาวออกไป และมองว่าการได้กลับบ้านของ พ.ต.ท.ทักษิณอาจเป็นเพียงผลพลอยได้ที่เกิดจากการทำงานของรัฐบาล

“นายใหญ่”ที่อยู่ต่างแดน ฟังแล้วคงสะอึก เพราะในขณะที่ตัวเองอยากกลับบ้านใจจะขาด แต่ใครหลายคนไม่อยากให้กลับ ไม่อยากให้ภัยร้ายมาถึงตัวอีกครา

หรือมองว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาแล้ว อำนาจทุกอย่างจะกลับไปอยู่ในมือ พ.ต.ท.ทักษิณ ฝ่ายตรงข้ามไม่เคยไว้ใจ แม้กระทั่งฝ่ายตัวเองก็ยังไม่เชื่อใจในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากอำนาจมีอันต้องกลับไปอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเต็มไม้เต็มมืออีกครั้ง!!
กำลังโหลดความคิดเห็น