ส.ว.สมุทรสงคราม นำทีม 50 วุฒิสภา แถลงค้านยื่นแก้รัฐธรรมนูญ ม.291 ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 ล้มล้างฉบับ 50 หวังล้างบางองค์กรอิสระ เปลี่ยนอำนาจตุลาการ สับรัฐไม่พูดความจริง แถมปิดหูปิดตาประชาชน จี้ถอนด่วน ชี้ปฏิรูปต้องแก้จริยธรรมนักการเมืองด้วย จวกนำพาชาติขัดแย้ง “รสนา” เชื่อลบความผิด “นช.แม้ว” แน่ ลั่นคัดค้านเผด็จการรัฐสภาอย่างถึงที่สุด
วันนี้ (22 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายสุรจิต ชิรเวทย์ ส.ว.สมุทรสงคราม พร้อมด้วย นายสมเจตน์ บุญถนอม นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.และ ส.ว.อีกประมาณ 50 คน ร่วมแถลงข่าวคัดค้านการยื่นร่างขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ของรัฐบาล พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา โดยอ้างว่าจะขอแก้ไขเพียงมาตรา 291 เพียงมาตราเดียวเพื่อให้มีกาจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับไม่ได้ขอแก้ไขเพียงเพิ่มเติมเพียงมาตรา 291 เพียงมาตราเดียวตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง แต่ความจริงแล้วเป็นการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 โดยเพิ่มหมวดใหม่ คือ หมวดที่ 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งนี้ การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 โดยจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีภาค ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นภาพลวงตา แค่ความเป็นจริงแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกตีกรอบด้วยหลักการและเหตุผลที่ถูกเขียนไว้ในร่างทั้ง 3 ฉบับ ก่อให้เกิดการล้างบางองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนอำนาจองค์กรตุลาการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยนำเสนอให้ประชาชนร่วมตัดสินใจก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย
นายสุรจิตกล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลอ้างช่องทางตามมาตรา 291 ในการขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยมีเจตนาล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่เปิดเผยความจริงให้ประชาชนทราบ โดยเฉพาะประเด็นที่ต้องการแก้ไขไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการถกเถียงเพื่อให้ตกผลึกทางด้านความคิดก่อน การกระทำของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลจึงเป็นการปิดหูปิดตาประชาชน ทั้งนี้ ทางกลุ่ม ส.ว.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลยุติการกระทำด้วยการถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับออกจากการพิจารณาของรัฐสภาทันที
นายสุรจิตกล่าวว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่อยู่ในรัฐสภาในการอภิปรายแสดงความเห็นพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทย ซึ่งในอดีตเคยมีการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ขึ้นโดยมีบทสรุปที่ว่า การปฏิรูปการเมืองจะมุ่งแต่การแก้กฎหมายการเมืองโดยไม่มองไปที่พรรคการเมืองซึ่งเป็นตัวปัญหาความขัดแย้งก็จะไม่ยุติซึ่งขณะนั้นก็เห็นว่าการปฏิรูปการเมืองต้องพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้จริยธรรมในตัวนักการเมืองควบคู่กัน
“ถ้าขณะนี้รัฐบาลคิดที่จะแก้ไขเพียงฝ่ายเดียวโดยอาศัยเสียงข้างมากในสภาโดยไม่ถามเสียงข้างมากของประชาชนเกรงว่าการยกเลิกรัฐธรมนูญปี 50 จะนำพาประเทศเดินหน้าไปสู่ความขัดแย้งมากขึ้น ทั้งนี้เราไม่ได้คัดค้านการยกเลิกปี 50 แต่กระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังไม่มีการตกผลึกทางความคิดของประชาชนว่าแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่” นายสุรจิตกล่าว
ด้าน น.ส.รสนากล่าวว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลนั้นชัดเจนว่า เป็นการรวบอำนาจ 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการอยู่ในมือ และเป็นการเอาเสียงข้องมากมายึดอำนาจในสภา อีกทั้งยังมีความชัดเจนที่จะลบล้างความผิดในคดีอาญาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดา ซึ่งถือเป็การทำลายหลักนิติรัฐ ทั้งนี้ ตนเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 นั้นได้ผ่านการทำประชามติมาแล้ว การที่รัฐบาลจะมีการแก้ในมาตรา 291 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตั้ง ส.ส.ร.เข้ามายกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ตนก็คิดว่ารัฐบาลมีเจตนาที่จะกินรวบประเทศไทยโดยยกร่างกติกาทั้งหมดขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่มีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากนี้ การที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหารไม่เป็นประชาธิปไตย และจะมีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติในเรื่องนี้ได้แล้ว ในส่วนของตนนั้นก็ยืนยันที่จะคัดค้านอย่างถึงที่สุด ในเรื่องการเผด็จการทางทหารนั้นก็เป็นเรื่องที่ตนก็รับไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากจะการเผด็จการทางรัฐสภาตนก็รับไม่ได้เช่นกัน