xs
xsm
sm
md
lg

ดิ้นพล่านหนีมรสุม ว.5 รัฐบาลเล่นบทอันธพาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รายงานการเมือง

ยังคงเป็นประเด็นสุดร้อนแรงที่สังคมเฝ้าติดตามตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับ “ว.5” หรือ “ภารกิจลับ ณ โฟร์ซีซั่นส์” ของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ที่ต่างฝ่ายต่างออกมาตอบโต้กันอย่างเมามัน

ทั้งฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ที่เรียงคิวออกมาขุดคุ้ยลากไส้ไม่เว้นแต่ละวัน เช่นเดียวกับฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ลูกพรรคดาหน้าออกมาปกป้อง “นายหญิง” อย่างไม่ลดราวาศอกกันเลย

เรื่องของเรื่องก็เกิดจากกรณีการถูกทำร้ายร่างกายของ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ ที่ปะเหมาะเคราะห์ร้ายไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่ ดันไปเห็น “ช็อตเด็ด” บุคคลต้นเรื่องเดินเข้า-ออกโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างน่าสงสัย

เมื่อคนอย่าง “เอกยุทธ” ถูกทำร้ายอันสงสัยได้ว่าเกี่ยวพันกับการไปเห็น “ผู้นำประเทศ” กลางโรงแรมหรู ในเวลาราชการ จึงกลายเป็นข่าวดัง และเป็นที่สนใจของสังคม

ก่อนนำไปสู่ประเด็นทางการเมืองร้อนๆในที่สุด

ฝ่ายเจ้าของนาม “จอร์จ ตัน” ที่โดงดังในวงการหุ้น ก็มีสิทธิทวงถามว่า ใครกันที่มาทำร้ายตัวเอง และด้วยสาเหตุใด การส่งเสียงเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบสอบสวนห้าข้อเท็จจริง ถือเป็นสิ่งที่ชอบธรรม

เช่นเดียวกับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่แม้จะฉกฉวยโอกาสนี้ผูกโยงมาเป็นเรื่องการเมือง แต่ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรับบาล โดยมุ่งไปที่ประเด็น “จริยธรรม” ของผู้เป็นนายกรัฐมนตรี และต้องการให้ “ยิ่งลักษณ์” ออกมาชี้แจงเคลียร์ตัวเอง ผ่านเวทีสภาผู้แทนราษฎรโดยถูกต้องชอบธรรมเช่นกัน

กลับกลายเป็นฝ่ายรัฐบาลต่างหาก ที่ปล่อย “ลิ่วล้อปลายแถว” ออกมาให้ข้อมูลที่เป็นไปแบบคนละทิศละทาง บิดเบือนประเด็นว่าเป็นการรังแกผู้หญิงเพศแม่ มุ่งปกป้องตัว “ยิ่งลักษณ์” โดยที่ไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง

ทำให้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าภารกิจ ว.5 ของ “นายกฯหญิง” ที่ชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์ คืออะไรกันแน่

เนื่องจากพอเรื่องแดงขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ฝ่ายรัฐบาลต่างออกมาปัดเป็นพัลวัน แม้แต่ตัว “ยิ่งลักษณ์” เองที่ระบุชัดๆว่า “ไม่ได้ไปประชุม” พร้อมเอาสีข้างเข้าถูว่า “ในฐานะนายกฯ สามารถไปเจอกับใครก็ได้ ที่สำคัญไปในสถานที่เปิดเผยไม่เสียหายด้วย”

ก่อนที่ล่าสุด “เศรษฐา ทวีสิน” แห่งแสนสิริกรุ๊ป ที่เป็น “คนในข่าว” กลับออกมายอมรับว่าพบกับนายกฯที่โรงแรมย่านราชประสงค์จริง แต่เป็นการพบกันเป็นกลุ่ม 6 ถึง 7 คน ไม่ใช่ “สองต่อสอง” โดยมีการพูดคุยในหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ดอกเบี้ย การเงิน และสถานการณ์บ้านเมือง

เป็นการออกตัวปกป้องนายกฯหลังจากที่เป็นข่าวมากเกือบ 2 สัปดาห์เต็ม ด้านหนึ่งเหมือน “โชว์แมน” ออกมาปกป้องฝ่ายหญิง แต่อีกด้านหนึ่งคล้ายเหมือน “โอ้อวด” ว่าตัวเองใหญ่ สามารถเรียกนายกฯของประเทศไทยมาปิดห้องหารือลับๆได้

คำถามของ “เอกยุทธ” ที่ว่า “ใหญ่แค่ไหน ถึงเรียกนายกฯไปหาที่โรงแรมได้” เป็นคำถามที่น่าสนใจยิ่ง

สำทับด้วยการออกข่าวของสื่อที่ละทิ้งอุดมการณ์ขายตัวเอาใจเอนเอียงเข้าข้างรัฐบาล ที่ปล่อยข่าวอ้าง “แหล่งข่าว” ว่าวันเกิดเหตุมีการจัดสัมมนาของกลุ่มธุรกิจอสังริมทรัพย์ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ โดยมี“กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ร่วมงานด้วย ก่อนพากันขึ้นชั้น 7 ไปตั้งวงหารือถึงประเด็นความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจต่างๆ ร่วมกับบิ๊กอสังหาฯอีกหลายคน โดย 1 ในหัวข้อที่มีการพูดคุยกันคือเรื่องราคาประเมินที่ดินใหม่ในปี 2555 ที่จะประกาศราคาออกมาราวกลางปีนี้ รวมถึงการจัดทำแผนผังเมืองใหม่

ลากออกจากเรื่อง “ส่วนตัว” ไปเข้าเรื่อง “ธุรกิจ”

และไม่ว่าจะเป็น “ธุรกิจ” หรือ “ส่วนตัว” ต้องยอมรับด้วยว่า ด้วยฐานะนายกรัฐมนตรี การจะพบกับนักธุรกิจ ทั้งบุคคลหรือเป็นกลุ่มใน “ที่ลับเฉพาะ” ไม่สามารถทำได้ เพราะสามารถจัดเวทีหารืออย่างเป็นทางการ ผ่านกลุ่มเครือข่ายสมาคมที่เป็นกิจลักษณะได้มากกว่านี้

ดังนั้นคำถามถึง “จริยธรรม” ของสังคมและฝ่ายค้านนั้นก็เป็นคำถามที่ “ยิ่งลักษณ์” สมควรที่จะให้คำตอบ มิใช่ออกลูกชิ่งหลบเลี่ยงคำถามที่ยิงเข้ามาโดยตลอดเช่นนี้

เมื่อถึงช่วงวิกฤตก็เป็น “ยาสามัญประจำบ้าน” อย่าง “เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกฯ ผู้รอบรู้ต้องออกโรง โดยการให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) ที่ออกอาการ “จนตรอก” อย่างเห็นได้ชัด แม้ปากจะท้าทายให้มีการเปิดคลิปวิดีโอออกมา โดยอาจลืมไปว่า ไม่กี่วันมานี้มีการแฉว่า รองนายกฯคนหนึ่งสั่งการให้ลบภาพจากกล้องซีซีทีวีที่ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ไปแล้ว

ทั้งยังออกลูก “อันธพาล” ข่มขู่ไปถึง “เอกยุทธ” ว่า “อีกหน่อยจะโดนอีก” โดยอ้างว่า คนที่นั่งในลานปาริชาติของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ 20 คน จะเกลียด “เอกยุทธ” เสีย 18 คน จึงขอเตือนว่า “ถ้าจะดีที่สุด ก็น่าจะไปพักผ่อนที่ไหนก่อน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมาแล้วจะมาโทษผมไม่ได้”

เป็นพฤติกรรมข่มขู่ของผู้มีอำนาจอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกันก็ “ดิสเครดิต” ซัดฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ที่เล่นการเมือง “ไม่สร้างสรรค์” โยงไปถึงการพ่ายแพ้เลือกตั้งที่ผ่านมา แถม “สารวัตรเหลิม” ยังออกอาการ “หน้ามืด” ยกเหตุการณ์ไปเทียบกับการที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พบกับนักธุรกิจตามฟอรั่มหรือการประชุมต่างๆ

ทั้งที่คนระดับนี้น่าจะเข้าใจดีว่า “ที่ปิดลับ” กับ “เปิดเผย” เป็นอย่างไร หนำซ้ำยังสนับสนุนให้ “ยิ่งลักษณ์” หนีประชุมสภาฯอีกต่างหาก จนไม่น่าเชื่อว่า ส.ส.หลายสมัยจะไม่ให้เกียรติฝ่ายนิติบัญญัติเช่นนี้ โดยอ้างว่า “ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใด ที่ระบุว่าถ้าสภาฯเปิดแล้วนายกฯจะ ออกจากสภาฯไม่ได้”

จับอาการอย่างนี้ก็คงหนีไม่พ้นว่า รัฐบาลเริ่มจำนนต่อข้อมูลหลักฐานและเหตุผล จนแต้มหนีไม่ออก ได้แต่เถียงข้างๆคูๆ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมายังไม่มีหลักฐานใดๆที่มาอ้างได้ว่า วันนั้น “ยิ่งลักษณ์”ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหาย

สุดท้ายก็ออกอาการพาลอย่างที่เห็น

ฝ่ายเจ้าตัว “ยิ่งลักษณ์” เองก็เลือกที่จะไม่เปิดหน้าแลกตรงๆ อาศัยเวทีชี้แจงนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เรียกร้องขอความเห็นใจ และแสดงความเสียใจที่สังคมไทยข่มเหง เอาเปรียบสตรี เพื่อหวังผล ประโยชน์ทางการเมือง

ตรงนี้คนรอบข้างควรสะกิดเตือนด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่อง “ผู้หญิง” หรือ “ผู้ชาย” อย่างที่พยายามบิดเบือนกัน แต่เป็นเรื่องของ “ผู้นำ” และเป็น “ผู้นำประเทศ” ที่ต้องมีจริยธรรม เพราะหากผู้นำไม่มีจริยธรรม ประเทศชาติก็ยากที่จะดำรงอยู่ได้

โดยเฉพาะหากสมมติฐานเรื่องลับๆล่อๆ “ใต้สะดือ” เป็นจริงขึ้นมา ก็ต้องถือว่า “ผิดจริยธรรมร้ายแรง”

ต้องถามองค์กรหรือเครือข่ายสตรีทั้งหลายที่ออกมาชูป้ายเคลื่อนไหวปกป้องให้กำลังใจ “นายกฯคนสวย” ว่า ได้ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองด้วยเหตุและผล รับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วหรือยัง หรือแค่ถูกปลุกปั่นขึ้นมาสนับสนุนด้วยอารมณ์ความรู้สึกอยากกางปีกปกป้อง “เพศหญิง” ด้วยกัน เพราะหากเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับผู้ที่เป็น “สามี” ของผู้สนับสนุนเหล่านี้ เข้าทำนองเพลงดัง “ฉันรักผัวเขา”

คำถามมีว่า พวกเธอเหล่านั้นจะออกมาปกป้อง “ยิ่งลักษณ์” อีกหรือ???
กำลังโหลดความคิดเห็น