ปชป.จัดเสวนาตรวจการบ้าน ทัวร์น้ำท่วม คนไทยได้อะไร? “มาร์ค” แทงกั๊กไม่ประเมินผลตรวจการบ้าน 10 ข้อ แบะท่ารอแผนขยายเวลาบริหารจัดการน้ำไปอีก 3 เดือน ด้านนักวิชาการฟันธงทัวร์น้ำท่วม สอบตกชี้จุดรับน้ำควรเป็นพื้นที่แก้มลิง เตือนเส้นทางฟลัดเวย์ต้องไม่ฝืนธรรมชาติ แนะต้องใช้วิศวกรน้ำบริหารจัดการช่วงกลางน้ำ
วันนี้ (19 ก.พ.) พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการจัดงานเสวนาเรื่อง “ตรวจการบ้าน ทัวร์น้ำท่วม คนไทยได้อะไร?” เพื่อประเมินผลการตรวจราชการในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ. 2555 โดยมีวิทยากรมาร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผศ.ดร.คมสัน มาลีสี รองคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีฯ ลาดกระบัง ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม นายก อบต.บางระกำ จ.นครปฐม และ น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย
โดยนายอภิสิทธิ์ได้สรุปผลการทัวร์น้ำท่วมตามประเด็น 10 ข้อที่ได้ให้เป็นการบ้านรัฐบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ในเรื่องการจ่ายเงินชดเชยเยียวยา นายกฯ ไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน 5,000 บาทเลยตลอดการตรวจราชการ จนรองโฆษกรัฐบาลออกมายอมรับว่ามีการเบิกจ่ายไปเพียง 49% เท่านั้น ขณะที่เงินซ่อมแซมบ้าน 2-3 หมื่นบาท เบิกจ่ายไปน้อยมาก ซึ่งในการทัวร์ครั้งนี้มีชาวบ้านพยายามเข้ามาร้องเรียน แต่ไม่สามารถเข้าพบนายกฯ ได้
เรื่องการซ่อมแซมเขื่อนและประตูระบายน้ำที่เสียหาย นายกฯ ได้เดินทางไปตรวจการซ่อมประตูระบายน้ำบางโฉมศรีเพียงแห่งเดียว ขณะที่ประตูระบายน้ำแห่งอื่นไม่มีคำตอบว่ามีความพร้อมเพียงใด เช่นเดียวกับเหตุน้ำท่วมที่ อ.เสนา ที่ทำให้เห็นว่าระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประตูระบายน้ำยังไม่มี ส่วนระบบพยากรณ์และเตือนภัยก็เสร็จไม่ทันเดือนมกราคมตามที่ กยน.เคยรับปาก ซึ่งต้องติดตามว่าที่นายกฯ ขยายเวลาไปอีก 3 เดือนจะเสร็จทันหรือไม่ ส่วนเรื่องแผนอพยพ รัฐบาลไม่ได้กล่าวถึงระหว่างการทัวร์ครั้งนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากในเรื่องการกำหนดพื้นที่รับน้ำและการก่อสร้างโครงการต่างๆ นายกฯ ไม่ได้ไปตรวจพื้นที่ลุ่มน้ำยม ทั้งที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก อีกทั้งไม่รู้ว่าประชาชนในพื้นที่รู้หรือไม่ว่าบ้านของตนต้องเป็นแก้มลิง และมีความยินยอมหรือไม่ และรัฐบาลได้กำหนดกติการการชดเชยให้ชาวบ้านอย่างไร
เรื่องการป้องกันนิคมอุตสาหกรรม มีความคืบหน้าว่าเขื่อนรอบนิคมจะสร้างเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน แต่ขณะนี้ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะหาวิธีทางใดที่จะช่วยเงินค่าก่อสร้าง 2 ใน 3 เพราะการให้เงินผ่านการนิคมอุตสาหกรรมก็อาจไม่มีกฎหมายรองรับ เรื่องนี้จึงไม่สามารถเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ได้ ขณะที่เรื่องการยื่นคัดค้าน พ.ร.ก.2 ฉบับ ซึ่งทุกโครงการที่มีการกล่าวถึงระหว่างทัวร์น้ำท่วมอยู่ในวงเงินงบประมาณกลางปีนี้ จึงไม่จำเป็นต้องกู้เงินเพิ่ม และเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยเลิกโกหกในประเด็นนี้
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกว่าการบ้าน 10 ข้อรัฐบาลสอบผ่านหรือสอบตก แต่เป็นห่วงว่าในโจทย์ 10 ข้อดังกล่าว รัฐบาลยังต้องทำงานอีกมากกว่าจะมีความชัดเจน ปริมาณน้ำอาจไม่สำคัญเท่าการบริหารจัดการที่ดี”
ด้านนายสาทิตย์ได้ตั้งข้อสังเกตถึงทัวร์น้ำท่วมของนายกฯ ไว้ 3 ข้อ ข้อแรก การทัวร์น้ำท่วมครั้งนี้นายกฯ คิดแต่จะจ่ายงบประมาณโดยไม่มีการบริหารจัดการ มีแต่การสั่งขุดลอกคูคลอง มีการตั้งคลีนิคงบประมาณให้พื้นที่ประสานของบฯ ซึ่งมีข่าวการทุจริตเกิดขึ้น อีกทั้งแผนการใช้เงินในทัวร์นี้ก็เป็นไปตามแผนที่มีอยู่ก่อนแล้ว ไม่ได้เป็นการให้งบประมาณตามสภาพพื้นที่ที่นายกฯ ไปเห็น
ข้อ 2 การทัวร์ครั้งนี้ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน มีการตรวจสอบชาวบ้านที่จะเข้าไปในงานว่าต้องเป็นคนที่สนับสนุนรัฐบาล และแจกเอี๊ยมให้ใส่เป็นสัญลักษณ์ เพื่อไม่ให้มีการร้องเรียนจากชาวบ้าน จึงไม่มีการสอบถามความเห็นของประชาชน ทั้งที่เป็นแนวทางการแก้ปัญหาภัยพิบัติที่ดีที่สุด
ข้อที่ 3 แผนการระบายน้ำของรัฐบาลไม่ใช้แนวทางระบายน้ำทางทิศตะวันตก เพราะมีผู้สั่งการไม่ให้น้ำไปในพื้นที่ดังกล่าว และมองว่าการประชุมเรื่องฟลัดเวย์ร่วมกับนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจหรือไม่ โดยพรรคจะติดตามว่ารัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนมากน้อยเพียงใด และจะจัดงานเสวนาตรวจสอบรัฐบาลในรูปแบบนี้ต่อไป
ด้านความเห็นของนักวิชาการ ผศ.ดร.คมสันมองว่า การทัวร์น้ำท่วมของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบริหารจัดการน้ำ และยังเร็วเกินไปที่จะสรุปประเมินผลได้ ซึ่งตนมองว่าจุดสำคัญของการบริหารจัดการน้ำอยู่ที่การบริหารพื้นที่แก้มลิง ซึ่งควรเป็นพื้นที่รับน้ำโดยธรรมชาติ แต่พื้นที่ที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นพื้นที่รับน้ำกว่า 1 ล้านไร่นั้นไม่ใช่พื้นที่แอ่ง จึงต้องมีการสร้างคันกั้นน้ำโดยรอบ จึงอาจไม่สามารถรับน้ำได้มากตามที่รัฐบาลประเมินไว้ อีกทั้งการกำหนดพื้นที่รับน้ำ ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ให้ชาวบ้านได้รับรู้ ได้มีส่วนร่วมและยินยอมให้ใช้พื้นที่
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับ การจัดการน้ำในเขื่อน ซึ่งตนเชื่อว่าการพร่องน้ำในเขื่อนในขณะนี้มีความจำเป็น แม้จะเสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้ง ขณะที่การกำหนดเส้นทางฟลัดเวย์ รัฐบาลต้องไม่ฝืนธรรมชาติ ไม่ควรขวางทางไหลของน้ำ เพราะจะเกิดความเสียหาย
ด้าน ดร.ธีระชนกล่าวว่า การระบายน้ำเขื่อนช่วงต้นปีในปริมาณมากเป็นประวัติการณ์ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา และเขตดุสิตของ กทม. ซึ่งปัญหาเกิดจากการขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนเคยเสนอแนะรัฐบาลไปแล้วว่า หาก กฟผ.จะปล่อยน้ำจากเขื่อนต้องดูว่ากรมชลฯ มีน้ำในทุ่งอยู่เท่าไร และต้องสอบถามกรมอุทกศาสตร์เพื่อให้ทราบถึงเวลาน้ำทะเลหนุน นอกจากนี้ยังต้องประสานกับกรมอุตุฯ ในการสนับสนุนข้อมูลปริมาณน้ำฝนเพื่อคำนวนปริมาณการปล่อยน้ำที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ การบริหารจัดการน้ำในช่วงกลางน้ำ รัฐบาลต้องใช้ผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และมีใบประกอบวิชาชีพวิศวกรเป็นผู้สั่งการ เพราะเหตุน้ำท่วมในปี 2554 เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลเชื่อผู้ที่ไม่มีความรู้ จึงมีการสั่งให้กั้นคลองระพีพัฒน์จนประตูระบายน้ำแตกเกิดความเสียหายต่อเนื่องจำนวนมาก
ขณะที่การประเมินการทัวร์น้ำท่วมของนายกฯ ในครั้งนี้ ตนให้สอบตก เพราะไม่มีการติดตามการซ่อมแซมประตูระบายน้ำและเขื่อนที่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งไม่มีการตรวจพื้นที่ปลายน้ำที่แท้จริงอย่าง จ.สมุทรปราการ จ.สมุทรสาคร และ จ.นครปฐม ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากรัฐบาลมีการทำงานอย่างเป็นระบบ จะสามารถควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ได้
ขณะที่ นายณัฐวัฒน์ให้ข้อมูลว่า ต.บางระกำ อยู่ในทุ่งพระพิมล ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 1 แสนไร่ และเป็นพื้นที่รับน้ำมาทุกปี ครั้งนี้จึงมีการเตรียมการน้ำท่วมจากแม่น้ำท่าจีนเป็นอย่างดี แต่เมื่อเกิดเหตุกลับเป็นน้ำทุ่งที่ไหลบ่ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งผ่านมาทาง อ.บางบัวทอง จึงไม่สามารถป้องกันได้ ทั้งนี้ ตนได้เคยเสนอของบประมาณจาก ศปภ.เพื่อขุดลอกคูคลองในพื้นที่ก่อนเกิดน้ำท่วมแล้ว แต่ ศปภ.ไม่ดำเนินการ
ทั้งนี้ นายณัฐวัฒน์เชื่อว่าชาวบ้านพร้อมจะให้ใช้ทุ่งพระพิมลเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่รัฐบาลจต้องมีความชัดเจนว่าน้ำจะมาเมื่อไร ท่วมนานแค่ไหน และสูงแค่ไหน รวมถึงมาตรการชดเชยที่เป็นธรรมให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ทั้งในเรื่องผลผลิตที่แตกต่างกันก็ควรได้เงินชดเชยที่แตกต่างกัน และเรื่องพื้นที่นาให้เช่าที่ขณะนี้นายทุนไม่ให้ชาวบ้านเช่าทำนา เพราะต้องการใช้เป็นพื้นที่รับน้ำ เพราะจะได้เงินชดเชยจากรัฐบาลในอัตราที่สูงกว่าค่าเช่า
ในส่วนของการเตรียมการรับมือน้ำท่วม นายก อบต.บางระกำชี้ว่า รัฐบาลต้องเตรียมเครื่องผลักดันน้ำในแม่น้ำท่าจีน และต้องทยอยระบายน้ำไปทาง จ.สมุทรสาคร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศฯ ปริเวณป่าชายเลน
ด้านผู้นำแรงงาน น.ส.วิไลวรรณกล่าวว่า รัฐบาลใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาทจัดงานเลี้ยงปรองดอง ซึ่งคนยากจนไม่ได้รับประโยชน์ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยรับฟังความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบกว่าแสนคน เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือที่เกิดผลได้จริง เพราะที่ผ่านมาไม่รู้ว่านโยบายชะลอการเลิกจ้างได้ผลจริงหรือไม่ ขณะที่กองทุนที่จะให้ความช่วยเหลือก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ทำให้ผู้ที่เดือดร้อนไม่สามารถเข้าถึงได้