xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ห่วงคำพูด รมต.ทำต่างชาติมองไทยแหล่งผลิตระเบิดส่งก่อการร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“มาร์ค” พบ “โคฟี อันนัน” ตามคำเชิญ คอป. ห่วงประเมินเหตุบึ้มจากฝีมือจิ๊กโก๋ แนะ รมต.ระมัดระวังคำพูด หวั่นต่างชาติมองไทยเป็นฐานผลิตระเบิดส่งก่อการร้ายต่างประเทศ เสนอประสานต่างประเทศทำความเข้าใจให้มาก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ และ นายมาร์ตติ อาห์ติซาติ อดีต ประธานาธิบดีฟินแลนด์ เข้าพบว่า เป็นการเดินทางเข้ามาโดยคำเชิญของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการ ปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งเข้าใจว่าทั้งสองท่านต้องการจะนำเอาประสบการณ์เรื่องการปรองดอง มาพูดคุยเสนอแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลน่าจะใช้ประโยชน์จากการพูดคุยตรงนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องวันนี้เป็นงานของ คอป. การใช้ประโยชน์จะขึ้นอยู่กับ คอป.เป็นหลัก รัฐบาลจะเป็นฝ่ายหนึ่งเท่านั้นที่จะให้ความเห็นต่างๆ แต่เท่าที่ทราบก็พบหลายกลุ่มบุคคล

ส่วนที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ระบุว่า คนก่อเหตุระเบิดที่สุขุมวิท 71 เป็นแค่กลุ่มจิ๊กโก๋นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าเราพยายามทำให้ดูเป็นเรื่องเล็กแต่สวนทางกับสิ่งที่ปรากฏต่อสาธารณะทั้งเรื่อง การเตรียมอาวุธต่างๆ เอาระเบิดไปแปะรถเพื่อสังหารคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นประเทศใด ซึ่งหากจิ๊กโก๋ทำได้ขนาดนี้ ผู้ก่อการร้ายจะทำได้ขนาดไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการที่ทูตอินเดียพบกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. และระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดในระเทศไทยคล้ายกับเหตุที่เกิดในประเทศอินเดีย จะทำให้ไม่ถูกมองว่าประเทศไทยจะกลายเป็นฐานการผลิตวัตถุระเบิดเพื่อไปก่อเหตุต่างประเทศอื่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องแยกประเด็น เรื่องแรกเราต้องดูให้ชัดว่าทำไมการวางแผนที่จะมาก่อเหตุต่างๆ ถึงมาเกิดขึ้นในประเทศเรา และจากคำพูดของรัฐมนตรีเองที่ไปพูดทำนองว่าระเบิดทำที่นี่และส่งออกไป ทำนองนี้ทำให้เรากลายเป็นเป้าหมายว่า เป็นประเทศที่ไม่ดูแลเรื่องการต่อสู้กับการก่อการร้าย อยากให้ระมัดระวังให้มากและการประสานงานกับประเทศต่างๆ ให้มาก

“เมื่อวานผมมีโอกาสได้พบรองนายกฯ ที่สภาฯ ได้เสนอแนะว่าจะเร่งประสานงานกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจไม่ให้ประเทศไทยถูกเข้าใจว่าเป็นฐาน หรือเป็นประเทศเป้าหมาย” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ต่อข้อถามว่า วันนี้รัฐบาลต้องทบทวนทิศทางกำหนดนโยบายด้านความั่นคง ต่างประเทศใหม่ให้รัดกุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นโยบายต่างประเทศในภาพรวมไม่เป็นปัญหาแต่นโยบายเรื่องความมั่นคงและการสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าจุดยืนของประเทศไทย และความเอาจริงเอาจังของประเทศไทยกับปัญหาหล่านี้เราจะทำอย่างไร ตรงนี้ต้องปรับปรุง ซึ่งเรามีจุดอ่อนความเป็นเสรีหลายได้ การเดินทางเข้าออกมักจะมาผ่านประเทศไทย นโยบายเข้มงวดกวดขันอาจจำเป็นมากขึ้น

ส่วนที่ประเมินว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบทำให้นักท่องเที่ยวลดลง 2 แสนคนเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะการท่องเที่ยวเจอมรสุมมมาหลายลูก เนสฟื้นมาจากน้ำท่วมมาเจอเรื่องนี้ ดังนั้น อย่าไปพยายามพูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริง ต้องเอาความจริงมาบอกกับชาวโลกว่าจะแก้ไขอย่างไรเป็นวิธีการที่ดีที่สุด อย่าลืมว่าชาวโลกส่วนใหญ่ฟังจากสื่อต่างประเทศ ซึ่งรายงานไปแล้วว่า รูปการเหตุการณ์เป็นอย่างไร แม้แต่ รมต.ก็ยังยอมรับว่ามีความคล้ายคลึงกกับเหตุการณ์ในประเทศอื่นๆ ที่เกิดขึ้น พอวันนี้จะมาบอกว่าเป็นจิ๊กโก๋ หรือเป็นพวกต้านวันวาเลนไทน์ ซึ่งต้องไปดูความน่าชื่อถือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถามว่าการพูดเช่นนี้จะเป็นการไปท้าทายกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีใครคิดว่าไปท้าทาย แต่ปัญหาคือยิ่งพูดจะยิ่งเป็นปัญหาว่าจะตั้งข้อหาอะไรเพราะไม่ทราบว่าจะไปตั้งข้อหาเรื่องต้านวาเลนไทน์หรืออะไร

กำลังโหลดความคิดเห็น