นายกฯ ลงพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ ชาวบ้านแห่รับ ขณะชาวท่าปลาโผล่ร้องที่ดินทับซ้อน ด้านชาวบ้านโคกร้องขอสัญชาติ ยันมาเยือนบูรณาการต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทำโมเดลบริหาร 12 เขื่อนอื่นทั่วไทย ทำแผนปลูกป่า ปรับพยากรณ์เตือนภัย ก่อนบินกลับพิษณุโลก
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เมื่อเวลา 15.15 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล และนางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กไปยังเขื่อนสิริกิติ์ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปโครงการพระราชดำริ และการดูแลป่าต้นน้ำ การปลูกป่า ฝายแม้ว การพัฒนาคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์และการเตือนภัยด้านการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำในเขื่อน ทั้งนี้ได้มีประชาชนชาวบ้านจากบ้านน้ำไผ่ อ.น้ำปาด ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ดินโคลนถล่มที่ผ่านมา ให้การต้อนรับ พร้อมมอบสับปะรดห้วยหมุ่นให้นายกรัฐมนตรีชิม และข้าวหลามข้าวเหนียวดำจากชาวบ้านเฉลิมราษฎร์ และเนินสองคอน อ.ฟากท่า ทั้งนี้ มีชาวบ้านรวมทั้งกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มารอมอบดอกกุหลาบมาให้กำลังใจกว่า 1 พันคน
ทั้งนี้ มีชาวบ้านจากอำเภอท่าปลาที่ยอมเสียสละที่ดินให้สร้างเขื่อนสิริกิติ์ และย้ายไปอยู่บนที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ แต่ถูกกรมป่าไม้ประกาศเป็นพื้นที่ดินทำกิน รวมทั้งกรมธนารักษ์ประกาศเป็นที่ดินราชพัสดุทับซ้อนที่ดินดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 50 ปี จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังมีนักเรียน 16 คน พร้อมชาวบ้านกว่า 900 คน ในพื้นที่ อ.บ้านโคก ซึ่งติดชายแดนไทย-ลาว มาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อขอสัญชาติไทยด้วย ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเข้ารับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า การมาเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญและเป็นการลงพื้นที่เพื่อทำแผนในการบูรณาการร่วมกันในพื้นที่ ในการบริหารจัดการต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ในจ.อุตรดิตถ์ ถือเป็นหัวใจสำคัญของพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งต้องทำการปลูกป่าทำฝายชะลอน้ำ ปรับการจัดการบริหารน้ำในเขื่อน ซึ่งหลังจากนี้จะนำต้นแบบการบริหารน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อนำไปใช้กับเขื่อนทั้ง 12 เขื่อนทั่วประเทศ การประชุมครั้งนี้อยากให้ทำแผนปลูกป่าให้ชัดเจนเพื่อทำเป็นพื้นที่ชะลอน้ำ โดยยึดโครงการพระราชดำริเป็นต้นแบบ โดยเฉพาะการปลูกหญ้าแฝก นอกจากนี้ยังต้องปรับแผนพยากรณ์ในการเตือนภัยเพื่อไม่เกิดเหตุซ้ำรอยอย่างเช่น อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะได้ไปตรวจการบริหารจัดการเขื่อน สภาพน้ำในเขื่อนและการเปิดปิดประตูระบายน้ำ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปจากนายสุรศักดิ์ อรรถเศรษฐ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ฝ่ายปฏิบัติการ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์กลับ จ.พิษณุโลก ในเวลา 17.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการลงพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ใช้รถตู้โฟล์ค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน นง 5346 อุตรดิตถ์ ไปรับที่ลานเฮลิคอปเตอร์ไปยังที่ประชุม อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่ทัวร์ลุ่มน้ำของนายกรัฐมนตรีจะมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ช่อง 11