“ประพันธ์” เผย มติ กกต.ยกคำร้องคัดค้าน “ไพโรจน์-ครรชิต-วิสิทธิ์” พ้น ส.ส.ชี้พยานหลักฐานไม่เพียงพอ โต้ “ปู่จิ้น” ยันแจกแดง “มนต์ไชย” ไม่มีเรื่องการเมือง รับยังมีเรื่องค้างอีกตั้ง 100 เรื่อง ชี้ ต้องแก้ ม.291 ระบุให้ชัดจัดเลือกตั้ง ส.ส.ร.รับถ้าทำประชามติแค่ 60 วัน ขัดกฎหมายลูกแน่ คาดใช้งบรวม 4 พันล้าน
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงมติที่ประชุม กกต.เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุม กกต. ได้มีมติยกคำร้องคัดค้าน นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 19 พรรคเพื่อไทย กรณีถูกกล่าวหาว่าติดแผ่นป้ายหาเสียงในสถานที่ ซึ่งไม่ใช่สถานที่ให้ติดแผ่นป้ายและโฆษณาหาเสียงในระยะเวลาห้ามหาเสียง และยกคำร้องคัดค้าน นายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ กรณีถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงใส่ร้ายผู้สมัครอื่นด้วยความเท็จ รวมทั้งยกร้องคัดค้าน นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 15 พรรคภูมิใจไทย กรณีถูกกล่าวหาว่า เสนอให้ สัญญาว่าจะให้เงิน ดังนั้น กกต.เห็นว่าจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในสำนวนนั้นยังไม่พอว่า ส.ส.ทั้ง 3 รายกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา จึงมีมติให้ยกคำร้อง
นายประพันธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า การที่ กกต.ให้ใบแดง กับ นายมนต์ไชย ชาติวัฒนะศิริ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 5 พรรคภูมิใจไทย น่าจะมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น กกต.ยืนยันว่า มีการพิจารณาไปตามขั้นตอน ซึ่งอยู่ในระยะเวลา 1 ปีตั้งแต่วันเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา และยืนยันว่า ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะ กกต.พิจารณาสำนวนเรื่องร้องคัดค้าน ส.ส.ไปตามปกติ ขณะนี้ก็ยังมีเรื่องร้องคัดค้านที่ยังคงค้างการพิจารณากว่า 100 เรื่อง หากเมื่อสำนวนสอบสวนเสร็จก็จะพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งในทางปฏิบัติ กกต.ก็พยายามที่จะดำเนินการพิจารณาด้วยความรวดเร็วตามกฎหมาย
“ที่จริงแล้ว พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.ปี 50 ไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการพิจารณา1 ปี เหมือนเช่นของเดิม ดังนั้น หาก ส.ส.คนใดถูกร้องเรียนว่ามีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือมีบุคคลร้องคัดค้าน กกต.ก็สามารถพิจารณาสืบสวนสอบสวนได้ ซึ่งทราบว่ายังเหลือระยะ 3 ปีกว่า จนกว่า ส.ส.จะหมดวาระ 4 ปี”
กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อดำเนินการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า หากจะให้ กกต.ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร.นั้น ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อกำหนดหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร.เพราะอำนาจหน้าที่ของ กกต.ในขณะนี้มีเพียงการจัดการเลือกตั้ง ส.ส., ส.ว. และการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่มีกฎหมายรับรองเท่านั้น แต่การจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ยังไม่มีกฎหมายรับรอง ส่วนในรายละเอียดก็ต้องดูว่าจะบัญญัติอย่างไร ให้อำนาจ กกต.แค่ไหน และกกต.มีสิทธิ์ให้ใบเหลืองใบแดง ส.ส.ร.ได้หรือไม่ ทั้งนี้ หากให้ กกต.จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ก็คล้ายกับการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.แต่จะมีขั้นตอนน้อยกว่า
สำหรับในส่วนของการทำประชามติที่มีข่าวว่าจะให้ กกต.ดำเนินการจัดทำประชามติภายใน 60 วัน หลังจากที่ ส.ส.ร.ดำเนินการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ตนเกรงว่าจะขัดกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่กำหนดว่าการทำประชามติต้องอยู่ในช่วงระยะเวลา 90-120 วัน แต่หากออกมาแล้วมีความขัดกันก็อาจจะมีคนนำไปเป็นข้อโต้แย้งได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดรัฐธรรมนูญที่จะดำเนินการแก้ไขออกมาก่อน และยืนยันว่า กกต.พร้อมที่จะดำเนินการจัดทำการออกเสียงประชามติ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะใช้ในการดำเนินการทั้งการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร.และการจัดการออกเสียงประชามติประมาณ 4,000 ล้านบาท
