กองพิสูจน์หลักฐานตรวจดีเอ็นเอจากกระสุน 9 ปลอกสังหาร “นายก อบจ.ตุ่น” ได้แล้ว เผยรู้ตัวคนบรรจุกระสุนชัดเจน ขณะที่คณะกรรมการสอบสวนคดีนี้เตรียมประสานไปยังประธานสภาฯ เพื่อขอตัว “ครรชิต” ผู้ต้องหาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม
วันนี้ (9 ม.ค.) พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.) เปิดเผยว่า กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจหาดีเอ็นเอจากปลอกกระสุนทั้ง 9 ปลอก ที่ใช้สังหารนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตนายก อบจ.สมุทรสาคร (นายกตุ่น) พบว่าผู้ใดเป็นบุคคลบรรจุกระสุนที่ใช้ฆ่านายอุดรอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลการตรวจสอบดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีต่อไป
“ทั้งนี้ หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในทางคดี ถือว่าเป็นวัตถุพยานที่มีน้ำหนักมาก เมื่อเข้าสู่กระบวนการของศาล โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้สั่งการลงมาว่าหากการตรวจพิสูจน์หลักฐานแล้วเสร็จให้ส่งเอกสารให้ตรวจก่อน เพราะได้ให้ความสำคัญต่อคดีนี้เป็นอย่างมาก” พล.ต.ท.พีระพงศ์กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.ธยาฤทธิ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผบก.สมุทรสาคร กล่าวถึงการติดตามตัวนายครรชิตมาสอบปากคำเพิ่มเติมว่า ต้องรอผลการประชุมของคณะทำงาน และคณะพนักงานสอบสวน ที่จะมีการประชุมหารือเพื่อหาข้อสรุปว่าจะทำหนังสือส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการขอตัวนายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ มาทำการสอบสวนหรือไม่ โดยหากที่ประชุมมีมติก็จะทำหนังสือไปยังที่สถานที่ทำงานของนายครรชิต คือที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เจ้าตัวรับทราบ แต่หากไม่เจอก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการ
“ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยก่อนการประชุมเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ เบื้องต้นทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และกองบังคับการปราบปราบ ได้ทำงานร่วมกัน และเริ่มออกตรวจตราและลงพื้นที่หาข่าวอยู่แล้ว โดยเชื่อว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรงขึ้นได้” ผบก.สมุทรสาครกล่าว
ในวันเดียวกัน พล.ต.ต.อภิรัตน์ ปรักกมะกุล ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีนายครรชิต ทับสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกฯ อบจ.สมุทรสาคร เสียชีวิต ว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยตรวจสอบทั้งพยานบุคคลและพยานในที่เกิดเหตุแล้วซึ่งวัตถุพยานที่นำมาตรวจในวันนี้ มีแค่ซากกระสุนปืน 9 นัดในที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยผลการตรวจกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะนำซากกระสุนปืนทั้งหมดไปเปรียบเทียบกับกระบอกปืน ถ้ามีการดัดแปลงปืนขึ้นมาจะสามารถทราบผลได้ โดยปกติวัตถุพยานที่ได้มาจะเป็นประโยขน์ต่อรูปคดี และต้องขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุพยานนั้นด้วย ซึ่งวัตถุพยานสามารถนำมาเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งอาจจะมัดตัวคนร้ายได้
"ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของวัตถุพยานที่ได้มา ถ้าไม่มีความชัดเจนต้องใช้เวลา แต่จะต้องมีความแม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์ ให้มันเป็นไปตามวัตถุพยานที่เห็น ซึ่งทุกคนอยากให้คดีคลี่คลาย และได้รับความเป็นธรรม แต่ต้องอยู่ในหลักการเที่ยงตรง ตรงไปตรงมา และแม่นยำ" ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง กล่าว
พล.ต.ต.อภิรัตน์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ บช.ภ.7 ซึ่งสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ(สพฐ.) เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนตรวจแค่หลักฐานเท่านั้น โดยเบื้องต้นยังไม่ครบถ้วนจึงให้รายละเอียดไม่ได้ คาดว่าสัปดาห์นี้จะทราบผล และหาก สพฐ. ทำงานเรียบร้อยเสร็จแล้วจะส่งผลกลับไปยังท้องที่เดิม
พล.ต.ต.อภิรัตน์ อีกกล่าวว่า ทางผบ.ตร. ให้ความสนใจในเรื่องนี้มาก แต่ไม่ได้สั่งการอะไรปล่อยให้ทำงานเต็มที่ ซึ่งสพฐ. มีเครื่องมือที่มีศักยภาพ อาจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์