ออกจะช็อคกันพอสมควรไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไรเมื่อทราบข่าวว่า ป๋าเปรมตอบรับคำเชิญไปร่วมงานที่ทำเนียบรัฐบาลเย็นวันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไม และถูกตีความเป็นสัญญาณทางการเมืองต่าง ๆ นานา
ผมเองคงตอบแทนใครไม่ได้
แต่ในฐานะคนที่พยายามจะหาคำอธิบายจากแง่มุมอื่นด้วย นอกเหนือจากแง่มุมทางการเมือง และ/หรือแง่มุมของปัญหา เริ่มรู้สึกเอะใจเมื่อพบว่าคืนวันนั้นจะเป็นการแสดงดนตรีของ TPO : Thailand Philharmonic Orchestra ภายใต้การนำของรศ.ดร.สุกรี เจริญสุข โดยจะมีการบรรเลงเพลงที่ป๋าเปรมเขียนขึ้นมาด้วยหลายเพลง ก็เลยพยายามหาคำอธิบายจากแง่มุมนี้ เพราะแม้ตัวเองจะเล่นดนตรีไม่เป็น แต่ก็ชอบฟัง และมีลูกที่เล่นดนตรี เคยไปร่วมงานแสดงเล็ก ๆ กับอาจารย์สุกรีฯบ้าง
นอกจากมิติที่คนทั่วไปรับรู้แล้ว ในมิติของศิลปะ ป๋าเปรมยังเป็นคนรักดนตรี รักเพลง และเป็นคนเขียนเพลงคนหนึ่งที่มีผลงานรวมแล้วกว่า 100 เพลง และเป็นแฟนพันธุ์แท้ของอาจารย์สุกรีฯ ไปนั่งฟังการแสดงที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยไม่เป็นข่าวมาต่อเนื่องนับสิบปี
เช่นเดียวกับกิตติรัตน์ ณ ระนอง !
กิตติรัตน์ฯในมิติของศิลปะ เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์และตัวอาจารย์สุกรี เข้าใจว่าเป็นหนึ่งในผู้ สนับสนุนการก่อตั้งวง TPO เคยเป็นกรรมการมูลนิธิร่วมกับอาจารย์สุกรี เคยช่วยเหลือนักเรียนของอาจารย์สุกรี ที่ไปประกวดที่สวิตเซอร์แลนด์อย่างแข็งขัน ไม่ต้องพูดถึงการไปนั่งฟังการแสดงครั้งสำคัญ ๆ ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์
งานที่ทำเนียบรัฐบาลศุกร์นี้อาจมีฉากหน้าเป็นชื่อหรูหราอลังการเรื่องน้ำใจคนไทยเรื่องอนาคตประเทศเรื่องน้ำท่วม...เรื่อยไปจนถึงเรื่องปรองดอง แต่แท้จริงแล้ว...
คืองานแสดงดนตรี !
เป็นงาน และเป็นปรากฎการณ์ ที่เกิดขึ้นโดยหัวจิตหัวใจของคนรักดนตรี 3 คน
"อาจารย์สุกรีฯ, กิตติรัตน์ฯ และป๋าเปรม"
ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ป๋าเปรมตอบรับเชิญไปร่วมงาน อยู่ที่การเข้าบ้านสี่เสาของกิตติรัตน์ฯ โดยมีอาจารย์สุกรีฯเข้าไปด้วย
อาจารย์สุกรีฯมีความประสงค์ที่จะแสดงผลงานของวิทยาลัยฯในลักษณะที่จะสื่อไปทั่วโลกตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2554 เมืี่อครั้งที่มีเรื่องสกย.ไม่รับรองหลักสูตรของวิทยาลัยฯ มีผู้เสนอให้แสดงที่ลานพระบรมรูปทรงม้าบ้าง สนามหลวงบ้าง ทราบว่าป๋าเปรมเองก็น่าจะรับรู้มาในระดับหนึ่ง แต่ดูเหมือนอาจารย์สุกรีฯยังไม่ตกผลึกในเรื่องสถานที่นัก เพราะการแสดงดนตรีออร์เคสตร้าในเวทีเปิดกลางแจ้งถือเป็นของแสลงอย่างยิ่ง เพราะควบคุมเสียงลำบาก พอดีเกิดน้ำท่วมใหญ่ โครงการเลยชะงักไป
อาจารย์สุกรีฯใฝ่ฝันที่จะแสดงดนตรีหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล !
เพราะอาคารสวยงาม อลังการ สามารถเป็นฉากหลังทำให้การควบคุมเสียงง่ายขึ้น
จึงหารือถึงความเป็นไปได้กับผู้มีอุปการคุณของวงที่บังเอิญมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีสายตรงของนายกรัฐมนตรี ในที่สุดก็แปรสภาพมาเป็นงานวันศุกร์นี้่ ที่มีการใส่สีตีไข่เป็นฉากหน้าฉากหลังของการแสดงดนตรีจนเกือบ ๆ จะบดบังเนื้อแท้ไปเสียหมด ทั้ง ๆ ที่เป็น "สารัตถะ" ที่แท้จริง
การแสดงของ TPO ศุกร์นี้จะมีการบรรเลงและขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ เพลงของป๋าเปรม เพลงปลุกใจให้รักชาติของหลวงวิจิตรวาทการ เพลงของพระเจนดุริยางค์ เพลง "นักรบ" ของโป๊ป-พนัสชัย ศุภมิตร และเพลงใหม่ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ทั้งนักดนตรีและนักร้องเป็นนักเรียนนักศึกษาของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ทั้งหมด ไม่มีศิลปินภายนอก
อาจารย์สุกรีฯบอกว่า เรามองเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านมุมการเมือง เศรษฐกิจ ความขัดแย้ง และ ฯลฯ มามากแล้ว อยากให้มองเหตุการณ์วันศุกร์นี้จากมุมมองของศิลปะดูบ้าง ในฐานะคนทำงานศิลปะ รักศิลปะ การบรรเลงดนตรีที่มีเนื้อหาต่อหน้าฉากหลังที่สวยงาม อลังการ ท่ามกลางการรับฟังรับชมของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของแผ่นดิน น่าจะสร้างความสุขให้คนไทยได้อย่างน้อยก็ชั่วขณะที่รับชมรับฟังอยู่
ภาษาผม ไม่ใช่ภาษาอาจารย์สุกรีฯ อาจจะเรียกว่า...
เป็นช่วงเวลาพักชมความงาม ความวิจิตร อันบริสุทธิ์ของดอกไม้ท่ามกลางสนามรบที่ยังไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะและไม่รู้ว่าสงครามจะดำเนินต่อไปหรือไม่ในทิศใด !