นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายปราบยาเสพติด กำชับกระทรวงมหาดไทย ตำรวจทำงานเป็นคู่แฝด สั่งดูแลสถานบันเทิงมีเยาวชนมั่วสุม เจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการเด็ดขาด ตั้งเป้า 1 ปี ลดยาเสพตคิดให้ได้ 80 % นำผู้เสพเข้าบำบัด 4 แสนคน เลิกเด็ดขาด 80 %
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ก.พ.) น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ.2555 แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับ จังหวัด รวม 800 คน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ร่วมมอบนโยบาย ที่ทุกคนต้องผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้น้อมนำพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ให้การแก้ไขยาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกคนในชาติต้องผนึกกำลังแก้ไขปัญหา โดยมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 154/2554 ลงวันที่ 9 กันยายน 2554 เรื่องยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เป็นคำสั่งแม่บทที่ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตาม โดยการดำเนินการในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ได้เน้นทั้งด้านการจับกุมยาเสพติด ยึดทรัพย์สิน สกัดกั้นตามตะเข็บชายแดน การบำบัดรักษาการกวดขันต่างๆ ผลการปฏิบัติการอยู่ในเกณฑ์ดี เห็นจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล อยู่ระดับความพึงพอใจค่อนข้างสูง โดยทางรัฐบาลยืนยันว่า จะดำเนินการต่อเนื่องและจริงจังภายใต้กรอบกติกาของกฎหมาย ลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไป เพื่อความสุขของประชาชน
นายกรัฐมนตรี ทุกฝ่ายต้องช่วยกันขับเคลื่อนในเชิงรุก เพื่อให้สังคมลดความรุนแรงจากปัญหายาเสพติด พร้อมทั้งมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดูแลด้านการเยียวยาเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปราบปรามยาเสพติด อีกด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้วางยุทธศาสตร์ในปีนี้ว่าจะลดความรุนแรงจากยาเสพติดในทุกพื้นที่ให้ได้ร้อยละ 80 และนำผู้เสพยาเข้าบำบัดจำนวน 4 แสนคน และให้ผู้บำบัดร้อยละ 80 ไม่กลับไปใช้ยาเสพติดอีก การเข้มงวดกับสถานบันเทิงที่ละเมิดกฎระเบียบ รวมทั้งยุทธศาสตร์ด้านการปราบปราม ซึ่งตอนนี้ทำงานได้ดีมาก และขอให้ทำหน้าที่ต่อไปส่วนด้านการบำบัดนั้นให้เน้นเชิงรุกมุ่งเป้าหมายที่กลุ่มเสี่ยง
ส่วนด้านการป้องกันจะมีการร่วมมือกับต่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงองค์กรต่างๆ และภาคประชาชนให้แจ้งเบาะแสกับส่วนราชการ รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ให้ปลอดจากความเสี่ยงด้านยาเสพติด และต้องการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำงานเป็นคู่แฝดกับกระทรวงมหาดไทย เช่น ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกับผู้บังคับการตำรวจทำงานคู่กัน และให้ทางกองทัพ หรือ กอ.รมน.เพิ่มประสิทธิภาพการสกัดกั้นบริเวณชายแดนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำยาเสพติดเข้าประเทศ
