xs
xsm
sm
md
lg

กุข่าวสร้างเรื่องตีปลาหน้าไซ ภาวะวิตกจริตรัฐบาลเพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต
รายงานการเมือง

บรรยากาศการเมืองช่วงต้นปี 2555 ดูสงบ ราบเรียบ ชาวบ้านร้านตลาดรู้สึกสบายใจดีเหลือเกิน ไม่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติจากธรรมชาติ ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงจากน้ำมือมนุษย์ หลังต้องเผชิญหลายเรื่องหลายราวชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้จนแทบไม่ได้หายใจหายคอมาก่อนหน้านี้

กระนั้นก็ตาม ความสงัดเงียบได้สร้างความหวาดผวาให้กับใครหลายคนในซีกรัฐบาล บางครั้งไม่มีอะไรก็ผวาขึ้นมาเองเสียอย่างนั้น อาจเป็นเพราะอดีตมันตามมาหลอกหลอน จนต้องระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เหมือน “คนจิตตก”

หลายสิ่งหลายอย่างที่คนในซีกรัฐบาลพยายามออกมาปูดข่าว จุดประเด็น ดูอาการแล้วน่าเชื่อว่าเป็นการตีปลาหน้าไซ หวาดกลัวจะเสียอำนาจด้วยวิธีการพิเศษคล้ายอดีตมากกว่า เพราะนั่นอาจทำให้จัดกระบวนท่าตั้งรับไม่ทัน ฉะนั้น “กันไว้ดีกว่าแก้” และดูเหมือนจะใช้มุขนี้มาอย่างต่อเนื่อง

จนตลกฝืด ใช้พร่ำเพรื่อจนเกินไป

เช่น กรณีที่สารพัดโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดจนน้ำลายกระฉอกคนละทีสองทีว่ามีขบวนการล้มรัฐบาล จาก 4 กลุ่มวิชาชีพ ประกอบด้วย นักการเมือง ทหาร สื่อมวลชน และนักวิชาการ นัดถกหารือเพื่อวางแผนแถวเซฟเฮาส์ ย่านพุทธมณฑล พร้อมลงขัน 2-3 พันล้านบาทเพื่อสร้างเงื่อนไขต่างๆ นานามา “ล้มรัฐบาล”

พูดย้ำคิดยำทำ วนอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีหลักฐานสิ่งอ้างอิงใดๆมาแสดงเพิ่มเติม

ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนพายเรือในอ่าง ไม่มีอะไรที่จะขยับเข้าไปสู่ความเชื่อตามที่บอกได้เลย มีเพียงจินตนาการ หยิบยกเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามหน้าสื่อมาประติดประต่อให้ดูน่าตื่นเต้น แค่นั้น

ช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็เคยใช้โมเดลลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง กรณีที่เกิดเหตุลอบวางระเบิดหน้ากองสลาก ก็พูดเป็นตุเป็นตะว่าเป็นเครือข่ายอำนาจเก่า คนที่เสียประโยชน์ เปิดชื่อย่อให้ดูตื่นเต้นเร้าใจ ว่าเป็น “พลเอก พ.”บ้าง คนเป็นพาร์กินสันบ้าง แล้วสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมายืนยัน

ฤูกมองว่าสร้างกระแส กลบข่าวเน่าเหม็นของตัวเองไปวันๆ

วันนี้ หลายคนก็ไม่เชื่อว่าสิ่งที่คนในซีกรัฐบาลออกมาพร่ำเพ้อพรรณนานั้นเป็นความจริง คิดว่ามันเป็นเพียงการหักลบกลบข่าวตามสไตล์นักการเมืองหรือไม่ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาล จะโดนไล่ต้อนถอยเข้าสู่มุมอับ ด้วยข้อหาที่มีความยึดโยงเกี่ยวพันกับ “คณะนิติราษฎร์” ที่ระยะหลังไม่รู้ไปกินดีหมี หัวใจเสือ ออกมานำเสนอแก้ไขกฎหมายที่เสียดแทงหัวใจคนไทยทั้งโลก

ไม่ว่าจะเป็นการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 การเสนอแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 8 ในหมวดพระมหากษัตริย์ โดยกำหนดให้พระมหากษัตริย์ต้องสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง ห้ามพระมหากษัตริย์มีพระราชดำรัส พร้อมกับปฏิรูปสถาบันหลักของชาติครั้งใหญ่ ทั้งกองทัพ ศาล และองค์กรอิสระ โดยกองทัพต้องอยู่ภายใต้อำนาจและคำสั่งของฝ่ายการเมือง ประธานศาลฎีกาและเหล่าตุลาการทั้งหลายต้องอยู่ภายใต้คณะรัฐมนตรีแทนที่จะเป็นพระมหากษัตริย์ และให้ยกเลิกองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหลาย

หลายเรื่องหลายราวเข้าไปรุกล้ำก้ำเกิน สถาบันพระมหากษัตริย์เกินจำเป็น จนทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงกลางของสังคมไทยหรือแม้กระทั่งแนวร่วมเอง งงเป็น ไก่ตาแตก ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่แน่ พร้อมตั้งแง่รังเกียจเดียดฉันท์ ดีกรีความเกลียดชังนับวันยิ่งทบทวี

ตอนนี้จึงเห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาลที่พลิกบทเล่น จากหน้ามือเป็นหลังเท้า เขี่ยนิติราษฎร์ไปให้ห่างตัว พร้อมโดดกระทืบซ้ำอย่างไร้เยื่อใย เพราะสิ่งที่ นิติราษฎร์ กำลังทำอยู่ ถือเป็นชนักปักหลัง ที่ทิ่มตำ พรรคเพื่อไทยตลอดมา สลัดข้อหาอย่างไรก็ไม่หลุด และมันอาจเป็นชนวนเหตุ เงื่อนปมที่ทำให้ฝ่ายตรงข้าม หยิบฉวยมาขย่มรัฐบาล

ฉะนั้น ความเคลื่อนไหวต่างๆที่เกิดขึ้นจากทาง ซีกรัฐบาลจึงไม่น่าแปลกใจและหลายคนก็จับทางได้ว่า มันจะต้องออกมาในรูปแบบนี้ เพราะเรื่องทำนองนี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยหวั่นไหว หวาดกลัว เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีความพยายามเท่าใดที่จะขจัด ล้มล้างข้อกล่าวหาไม่เอาสถาบัน ก็ยังไม่สามารถลบเลือนไปได้

ความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามที่พยายามหยิบประเด็น เรื่องสถาบันมากล่าวอ้างโจมตี รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย จะรีบตัดตอน แก้ต่างโดยเร็วที่สุด เพราะถ้ายิ่งปล่อยไว้หรือเพิกเฉย ก็จะเป็นหนามแหลมคมที่ทิ่มแทงรัฐบาล จนเลือดตกยางออกและอาจตายในที่สุด

ก็น่าตลกและน่าสมเพช รัฐบาลพรรคเพื่อไทย แทนที่จะเอาเวลามานั่งสาละวน แก้ปัญหา ใช้ลมปากแก้ต่างกับเรื่องที่ตัวเองต้อง เก๊กซิม มายาวนาน สู้ไปก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนดีกว่า ถ้าทำงานในหน้าที่ของตัวเองได้ดี ทำตามที่สัญญาไว้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว กังวลต่ออำนาจพิเศษใดๆ เพราะผลการทำงานจะไปสร้างความศรัทธาเชื่อถือให้ประชาชนเอง

ถ้าหากถึงเวลาที่รัฐบาลโดนทำร้ายรังแก ประชาชนนั่นแหละจะเหมือนผนังทองแดง กำแพงเหล็กค้ำยันให้รัฐบาล และถ้ารัฐบาลมุ่งมั่นทำงานจนประชาชนลืมตาอ้าปาก ทำมาหากินได้เป็นปกติสุข คราวหน้าก็ไม่ต้องเสียแรงมากมายไปหาเสียง ได้กลับมาแน่นอน

ขณะเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามที่จ้องหาช่องล้มรัฐบาลอยู่ ก็ทำอะไรไม่ได้ การคิดอ่านฆาตกรรมรัฐบาล จำเป็นต้องมีกระแสสังคมหนุนหลัง ถ้ารัฐบาลกับประชาชนยังเกื้อกูลหนุนเนื่องกัน ก็ยากที่ทำอะไร

แต่การขยันพูดให้เห็นภาพความน่ากลัว ตีปลาหน้าไซ ดักคอฝ่ายล้มรัฐบาล โดยขาดข้อมูลหลักฐาน นอกจากจะไม่เกิดสาระประโยชน์ใดๆ กับรัฐบาลแล้ว ยังเป็นการดิสเครดิตประจานตัวเอง ที่เอาแต่กุข่าวเหลวไหลไปวันๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น