xs
xsm
sm
md
lg

“ยุทธนา” ชี้ นิติราษฎร์เกินเลยวิชาการ จี้ อธิการฯ มธ.สอบ -“ดร.เสรี” แนะไปเคลื่อนไหวที่อื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ในฐานะแกนนำกลุ่มวารสารฯ ต้านนิติราษฎร์ และศิษเก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ชี้ “นิติราษฎร์” ก้าวเลยวิชาการ จี้ อธิการบดีสอบสวน เหตุทำ มธ.กลายเป็นที่ชุมนุม ด้านอดีตคณบดีวารสารฯ แนะ นิติราษฎร์ไปเคลื่อนไหวในสถานที่ไม่กระทบบุคคลอื่น “ทรงอภิรัชต์ สิงโต” เผย ทนไม่ไหว มหา’ลัยถูกใช้เป็นที่ปลุกปั่นทางการเมือง ย้ำ ทุกคนมีเสรีภาพ แต่รับไม่ได้ นิติราษฎร์ ย่ำยีหัวใจ

วันนี้ (2 ก.พ.) ที่ลานปรีดี พนมยงศ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายยุทธนา มุกดาสนิท ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ในฐานะแกนนำกลุ่มวารสารฯ ต้านนิติราษฎร์ และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงจุดยืนของกลุ่มภายหลังการชุมนุม ว่า การเคลื่อนไหววันนี้ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับกลุ่มนิติราษฎร์ เพราะสิ่งที่กลุ่มนิติราษฎร์กำลังทำอยู่นั้น มันก้าวเลยกว่าขั้นเป็นนักวิชาการทั่วไปแล้ว ทั้งนี้ อยากให้ทางอธิการบดีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ว่า มีความผิดทางวินัยในฐานะข้าราชการพลเรือน หรือว่ามีความผิดทางกฎหมายด้วยหรือไม่ เพราะเรื่องดังกล่าวทำให้ประชาชนที่อยู่ภายนอก ข้องใจว่าขณะนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลายเป็นที่ชุมนุมไปแล้วหรือไม่

“ในฐานะคณะวารสารศาสตร์ฯ ซึ่งเป็นสื่อเช่นกัน จึงอยากเรียกร้องให้สื่อมวลชนระมัดระวังประเด็นดังกล่าวด้วย เพราะมันอาจจะลุกลาม ไปถึงการขาดความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งถือเป็นเรื่องหลักที่เราไม่สบายใจ โดยเราจะประกาศข้อเรียกร้อง พร้อมกับนำข้อเรียกร้องดังกล่าวยื่นถึงอธิการบดีต่อไป”

เมื่อถามว่า กลุ่มนิติราษฎร์ ได้ระบุว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวทางวิชาการ นายยุทธนา กล่าวว่า ถือเป็นมุมมองของกลุ่มนิติราษฎร์ แต่มุมมองของเรามองว่ามันเกินเลย ซึ่งเป็นการละเมิดพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 8 ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวแก้ไขมาตรา 112 แม้จะอ้างว่าเป็นการเรียกร้องเสรีภาพ แต่ปรากฏว่า ตัวคนเรียกร้องอยากได้เสรีภาพทั้งหมด ขณะเดียวกัน กลับไปจำกัดเสรีภาพประมุขของประเทศ ซึ่งตนเห็นว่ามันไม่ควร

เมื่อถามว่า ทางกลุ่มวารสารฯ ต้านนิติราษฎร์ มีการกำหนดกรอบหรือไม่ ว่า อธิการบดีต้องดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มภายในกี่วัน นายยุทธนา กล่าวว่า ไม่ได้กำหนด เพราะการเรียกร้องเป็นเหมือนข้อเสนอของชาวธรรมศาสตร์ และอดีตนักศึกษาเก่ากลุ่มหนึ่งซึ่งไม่มีใครเป็นแกนนำ แต่เราทุกคน รวมทั้งคณาจารย์ทุกท่านมารวมตัวกัน เพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งเราไม่ได้รุนแรงอะไร เพราะเป็นธรรมศาสตร์เหมือนกัน

ด้าน รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักพูดชื่อดัง อดีตคณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มวารสารฯ ต้านนิติราษฎร์ ว่า ที่พวกเรามาวันนี้มีความไม่สบายใจ เนื่องจากคิดว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ที่จะแก้ไขมาตรา 112 นี้ อาจจะมีผลกระทบกับเรื่องของความมั่นคงของสถาบัน แต่จริงๆ เราก็เคารพความคิดเห็นของคนที่เขาต้องการจะเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าการเลือกสถานที่ในการเคลื่อนไหวนี้อยากให้เขาเลือกสถานที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลคนอื่นๆ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคนจะมองว่า ตกลงชาวธรรมศาสตร์ไม่ว่าศิษย์เก่า หรือศิษย์ปัจจุบันนี้เห็นด้วยกับเรื่องนี้กันทุกคนเหรอ ถึงได้มีการเคลื่อนไหวกันภายในมหาวิทยาลัย

“จริงๆ แล้วคนที่เขาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ เราก็เคารพความคิดเห็น เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะคิดอะไรก็ได้ แต่ก็ควรเลือกสถานที่ในการทำอะไรก็ตามให้มันไม่มีการพาดพิงไปถึงคนอื่น ทำให้เกิดเป็นข้อสงสัย พื้นที่ที่เป็นพื้นที่สาธารณะมีเยอะในประเทศไทย ที่กระทำไปแล้วมันไม่กระเทือนใคร และมันจะไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกแยกอย่างที่กำลังเห็นอยู่ตอนนี้ เพราะตอนนี้สิ่งที่พวกเราไม่สบายใจ คือ คนกลุ่มหนึ่งเห็นว่าเป็นสิทธิเสรีภาพในธรรมศาสตร์ คนอีกกลุ่มหนึ่งก็มองว่าเสรีภาพมีได้แต่มีข้อจำกัด และเรื่องนี้มีความกระทบกระเทือนในสถาบัน เพราะฉะนั้นอยากให้เขากระทำในสถานที่ที่ไม่น่าจะกระทบกับบุคคลอื่น” รศ.ดร.เสรี กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีนักศึกษาบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อการเคลื่อนไหวของฝั่งนิติราษฎร์ มีความเป็นห่วงอย่างไร รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พวกเราเป็นห่วง สมมติว่าถ้าเกิดกลุ่มนิติราษฎร์เคลื่อนไหวอยู่ที่สวนลุมพินี สนามไชย หรืออนุสาวรีย์ชัยฯ คงไม่มีใครเดือดร้อน ไม่มีชาวธรรมศาสตร์เดือดร้อน แต่ที่ประชาคมธรรมศาสตร์เดือดร้อน เพราะไม่เห็นด้วยกับตรงนี้ ซึ่งมันมีความต่างทางความคิด ซึ่งถ้าคนคิดจะแก้ก็เป็นความคิดของเขา เขาไม่ผิด ส่วนคนที่ไม่อยากให้แก้เขาก็ไม่ผิดเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าเมื่อมีการเคลื่อนไหวในสถาบันแบบนี้ คนที่ไม่เห็นด้วยเขาก็ไม่สบายใจเพราะกลัวคนข้างนอกจะตีความกันอย่างไร

เมื่อถามว่า ข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ข้อใดที่รู้สึกไม่สบายใจและเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ เพราะนักข่าวเองก็รู้ คิดว่าการแก้ไขมาตรา 112 คนที่มีสมองทุกคนรู้ ว่าคนที่กลัวหรือไม่สบายใจนั้น เขาไม่สบายใจเรื่องอะไร เพราะฉะนั้นตนไม่ขอตอบตรงนี้ เพราะเชื่อว่านักข่าวทุกคนรู้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่การเคลื่อนไหวเรื่องมาตรา 112 จะแพร่ระบาดลุกลามเป็นความขัดแย้งในระดับชาติ รศ.ดร.เสรีกล่าวว่า เป็นห่วงมาก

เมื่อถามว่า มีคนเสนอว่าให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเวทีกลางสาธารณะในการแสดงความคิดเห็นของทั้งสองฝ่าย จะได้ไม่กลายเป็นการแสดงความคิดเห็นตามท้องถนน รศ.ดร.เสรีกล่าวว่า อย่าเลย เพราะว่าในนี้มีตัวบุคคลที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอยู่ด้วยกัน และไม่ใช่ที่สาธารณะ มันเป็นที่ที่มีคนอยู่ที่ในนี้เยอะทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน เมื่อถามว่ามีข้อยุติหรือไม่อย่างกรณีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ถ้าจะเคลื่อนไหวต่อเป็นเรื่องที่ควรหรือไม่ รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า ก็เคลื่อนไหวในสถานที่ที่ไม่มีตัวบุคคลเป็นตัวตนที่จะต้องมีความรู้สึกว่าเราไม่ได้มีส่วนร่วมด้วยเท่านั้นเอง ถ้าหากไม่ใช่แค่ธรรมศาสตร์ แต่กว้างกว่าธรรมศาสตร์ เชื่อว่า อาจจะมีผลกระทบแน่นอน เพราะว่าหลายคนเริ่มไม่สบายใจ เมื่อถามว่า มีทางแก้หรือไม่ หรืออยากจะให้ยกเลิกยุติไปเลย รศ.ดร.เสรีกล่าวว่า เราไปห้ามเขาไม่ได้ ก็ให้เสนอกันไป คนที่ไม่เห็นด้วยก็แสดงออกกันไป คนที่เห็นด้วยก็พูดกันไป เพียงแต่ว่าอย่ามองความคิดที่แตกต่างกันนี้เป็นความแตกแยก อันนี้ก็คือสิ่งที่ไม่สบายใจ

“คือ ณ เวลานี้ประเทศไทยเรามันเหมือนมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่น่าแปลกใจ สมมติว่าเริ่มต้นทำอะไรก่อนก็ทำไป แต่พอมีใครจะคัดค้านปั๊บ กลุ่มหนึ่งอาจจะแถวๆ นี้พูดว่า สร้างความแตกแยก ตกลงเป็นว่าใครทำอะไร ใครออกหมัดก่อนก็ออกได้ไป คนออกหมัดหลังกลายเป็นคนสร้างความแตกแยก ถ้าอย่างนี้คนออกหมัดแรกถ้าเกิดออกหมัดในทางที่ถูกต้องมันก็ดีไป แต่ถ้าเกิดออกหมัดแรกในทางที่ไม่ถูกต้องแต่คนทำทีหลังกลายเป็นผู้สร้างความแตกแยก ก็เป็นอันว่าต่อไปนี้ใครจะทำอะไรเราก็ไม่ต้องทักท้วงใช่ไหม ปล่อยให้ทำไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเกิดทำจะกลายเป็นสร้างความแตกแยก” รศ.ดร.เสรี กล่าว

รศ.ดร.เสรี กล่าวว่า ก่อนที่จะมาที่นี่ ได้รับเสียงวิจารณ์มากมายถามว่า มันไม่ใช่เป็นการไปสร้างความแตกแยกเหรอ ถ็ถือว่าจบกัน ถ้าอย่างนี้ต่อไปใครเคลื่อนไหวก่อนก็โชคดีไป คนเคลื่อนไหวที่หลังกลายเป็นผู้สร้างความแตกแยกเสมอไปมันก็แย่ และคนเคลื่อนไหวครั้งแรกไม่ได้เคลื่อนไหวที่ถูกทุกครั้ง ถ้าคนเคลื่อนไหวครั้งแรกเคลื่อนไหวถูกทุกครั้งไปมันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดเคลื่อนไหวผิด จะแย้งไม่ได้เลย แย้งคือสร้างความแตกแยก

“ตกลงต่อไปนี้เราจะปล่อยทุกอย่าง เขาอยากจะตัดถนนขึ้นเขาใหญ่เราไม่เห็นด้วยเราก็ค้านไม่ได้เพราะจะสร้างความแตกแยก เขาจะกู้เงินเราก็ค้านไม่ได้เพราะจะสร้างความแตกแยก ถ้าอยากจะแก้มาตรา 112 เราก็ค้านไม่ได้ เพราะจะสร้างความแตกแยก ซึ่งวัฒนธรรมไทยเดี๋ยวนี้มันเป็นอะไรกัน อันนี้ต้องถามสื่อมวลชนด้วย ถ้าเกิดสื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์คนที่ลุกขึ้นมาค้านทีหลัง กลายเป็นผู้สร้างความแตกแยก ต่อไปนี้นะ ใครฉวยโอกาสตั้งประเด็นก่อน ไม่ว่าผิดหรือถูกจะโชคดีไป เพราะต่อไปนี้ใครก็จะค้านไม่ได้ คนค้านเป็นการสร้างความแตกแยกทุกทีไป” รศ.ดร.เสรี กล่าว

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มวารสารฯ ต้านนิติราษฎร์ จะยุติการเคลื่อนไหวแค่นี้หรือไม่ รศ.ดร.เสรีกล่าวว่า แค่นี้แล้ว เมื่อเรายื่นหนังสือแล้วก็ถือว่าทำตามหน้าที่ของเรา หลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารจะพิจารณา เพราะผู้บริหารก็ไม่ได้มีเราข้างเดียว เขาก็ต้องฟังอีกข้างหนึ่งด้วย แล้วก็เอาน้ำหนักไปชั่ง ไปพิจารณาดู ซึ่งเราก็เชื่อว่า ผู้บริหารก็มีวิจารณญาณในการพิจารณาว่าอะไรถูกอะไรควร เราไม่ต้องการสร้างความแตกแยกเพราะฉะนั้นเมื่อเรายื่นหนังสือเสร็จแล้วก็ถือว่าจบกัน

ขณะที่ นายทรงอภิรัชต์ สิงโต อดีตผู้ประกาศข่าวกีฬา สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในฐานะศิษย์เก่าคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณกลุ่มนิติราษฎร์ที่ทำให้พวกเราได้กลับมารวมตัวกัน และที่มาวันนี้ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง แต่เป็นเพราะทุกคนเริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของคนบางกลุ่ม ที่สำคัญ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นที่ปลูกฝังเรามาให้รักสถาบัน แต่มาวันนี้สถานที่แห่งนี้มีบุคคลบางกลุ่มที่มีเจตนาแอบแฝง อยากบอกว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่ใช่สถานที่ที่จะมาใช้เคลื่อนไหวปลุกปั่นทางการเมือง ทุกคนมีเสรีภาพเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่กลุ่มนิติราษฎร์กำลังทำมันเป็นการย่ำยีหัวใจ ซึ่งแบบนี้เรารับไม่ได้ ดังนั้นเราจึงออกมาแสดงออกถึงความไม่พอใจกับพฤติกรรมบางอย่างของกลุ่มนิติราษฎร์ โดยมองว่ากฎหมายอื่นมีมากมายที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ และเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่ทำไมไม่ไปขับเคลื่อนที่จะแก้ไข
รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักพูดชื่อดัง อดีตคณบดีคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายทรงอภิรัชต์ สิงโต อดีตผู้ประกาศข่าวกีฬา สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในฐานะศิษย์เก่าคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กำลังโหลดความคิดเห็น