xs
xsm
sm
md
lg

“แดง” ซัดกันเละ จวก “ตู่” ทรยศอุดมการณ์ ลอยแพนิติราษฎร์ - “สมศักดิ์ เจียม” โวยรัฐบาล-นปช.ไม่จริงใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จดหมายเปิดผนึก ความในใจสุดท้ายจากคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ถึงจตุพร พรหมพันธ์ “กูคือไพร่แต่ไม่ใช่ทาส” ในเว็บไซต์ประชาไท
“เสื้อแดง” แพร่ จม.เปิดผนึก ซัด “จตุพร” ลอยแพ “นิติราษฎร์” ทรยศมวลชน ย้ำข้อเสนอแก้ 112 ตอบโจทย์คนเสื้อแดง จวกเคยพร่ำเพ้อให้คนเสื้อแดงไปตายแทน พอเป็น ส.ส.แล้วความคิดเปลี่ยน อ้างกลัวปฏิวัติทั้งที่มีอำนาจในมือ ซัด “เหลิม-ประชา” ปากดีระวังนิติราษฎร์ตั้งพรรคเอง เพื่อไทยจะได้เข้ามากี่ที่นั่ง ด้าน “สมศักดิ์ เจียม” จวก รัฐบาล-นปช.ท่าทีไม่จริงใจ ทำนิติราษฎร์โดนโจมตีหนัก

หลังจากที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับคณะนิติราษฎร์ ที่นำโดยนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ และวานนี้ (1 ก.พ.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.ได้ออกมาแถลงข่าวขอร้องให้คณะนิติราษฎร์ยุติการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ไว้ก่อน ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยามากมายจากกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเป็นฐานมวลชนของพรรคเพื่อไทย โดยเมื่อเวลา 23.27 น.วานนี้ เว็บไซต์ประชาไท สื่อออนไลน์กระบอกเสียงคนเสื้อแดง ได้เผยแพร่ จดหมายจากผู้อ่าน: ความในใจสุดท้ายจากคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ถึงจตุพร พรหมพันธ์ “กูคือไพร่แต่ไม่ใช่ทาส” มีเนื้อหาสรุปได้ว่า หลังจากได้ฟังนายจตุพรแถลงเรียกร้องให้คณะนิติราษฎร์หยุดการเคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไขการทำรัฐประหารและถึงเดินหน้าต่อไป ก็ไม่มีทางสำเร็จเพราะไม่มี ส.ส.หรือ ส.ว.คนไหนกล้ายกมือโหวตให้นั้น อยากฝากคำถามไปถึงนายจตุพรว่า หากนิติราษฎร์หยุดการเคลื่อนไหว นึกหรือว่าเขาจะไม่เอาเรื่องอื่นมาหาเรื่องปฏิวัติ และที่บอกว่า ไม่มีใครกล้ายกมือโหวตให้กฎหมายข้อนี้ แล้วอุดมการณ์ที่นายจตุพรและพรรคพวกพร่ำเพ้อวันละสามเวลาหลังอาหารและก่อนนอนให้คนเสื้อแดงต้องออกไปเจ็บไปตายแทน ที่ว่าจะต่อสู้เพื่อความเสมอภาค ภราดรภาพ และความเท่าเทียมกันของคนไทยทุกคนหายไปไหน

จดหมายจากคนเสื้อแดงระบุอีกว่า สิ่งที่กลุ่มนิติราษฎร์เคลื่อนไหวทั้งหมดตอบโจทย์ได้ทุกข้อสำหรับคนเสื้อแดงที่เสียเลือดเสียเนื้อต่อสู้กันมา แล้วทำไมท่าน (รัฐบาลพรรคเพื่อไทย) ไม่ร่วมสู้ไปกับนิติราษฎร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะทำที่สุดในตอนนี้ แทนที่จะมัวกลัวซ้ายกลัวขวาว่าจะโดนปฏิวัติ ก็ในเมื่อมีอำนาจรัฐอยู่ในมือแล้ว ทำไมถึงไม่หาทางป้องกันหรือหยุดยั้ง ผบ.ทบ.ถ้าไม่เป็นที่น่าไว้ใจก็ย้าย เพราะนายกฯ มีอำนาจ และแทนที่นายจตุพรจะออกมากลัวการปฏิวัติให้เสียภาพลักษณ์ ทำไมไม่อธิษฐานให้รีบปฏิวัติไวๆ ทุกอย่างจะได้จบลงไปในคราวเดียว เหมือนที่นายจตุพรเคยพร่ำบ่น หรือว่าเมื่อได้เป็น ส.ส.แล้ว ความรู้สึกแบบนั้นมันหายไป

จดหมายดังกล่าวยังระบุว่า การออกมาลอยแพ (แถมยังแอบกระทืบซ้ำ) คณะนิติราษฎร์นั้น คือการทรยศต่ออุดมการณ์ในการต่อสู้ของพี่น้องเสื้อแดงทั้งหมด เพราะทุกข้อที่อาจารย์นิติราษฎร์คิดและเขียนออกมา มันคือความต้องการและความในใจของคนเสื้อแดงทั้งนั้น จริงอยู่ ก่อนเลือกตั้งเราคือคนสำคัญของพวกท่าน แต่พอหลังเลือกตั้ง แม้แต่กฏหมายที่ประชาชนต้องการแก้ที่สุด ท่านยังกล้าประกาศว่าจะคว่ำเสียตั้งแต่ไม่ทันจะเริ่ม มันไม่ทำร้ายจิตใจกันไปหน่อยหรือ

“อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าตอนนี้นิติราษฎร์ถูกบีบให้ต้องตั้งพรรคการเมือง เพื่อขับเคลื่อนข้อเสนอให้กลายเป็นจริง (เพราะพี่ ส.ส.เพื่อไทยไม่เอาด้วย) ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ส.ส.เพื่อไทยที่สุดแสนจะปากดีในวันนี้ (เช่น เฉลิม และประชา ประสพดี) จะได้กลับมาเป็นท่าน ส.ส.ที่เคารพสักกี่คน” จดหมายจากคนเสื้อแดงระบุ

ด้าน นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิชาการที่พยายามชี้นำความคิดให้คนเสื้อแดงมาตลอด ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” เมื่อเวลาประมาณ 05.43 น.วันนี้ ว่า สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งที่นิติราษฎร์ โดนโจมตีหนัก ต้องโทษท่าทีแบบไม่จริงใจ (cynical) ของพรรคเพื่อไทย และ นปช. โดยช่วงก่อนวันที่ 19 กันยายนปีที่แล้วสื่อมวลชนกระแสหลักแทบจะไม่รู้จักหรือแทบไม่เคยเสนอข่าวคณะนิติราษฎร์เลย จนกระทั่งรัฐบาล โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ และ นปช. โดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. ได้ออกมาพูดว่าเห็นด้วยกับแนวทางของนิติราษฎร์เรื่องลบล้างผลพวงรัฐประหาร แต่การเห็นด้วยของรัฐบาล และ นปช.นั้นเป็นการเห็นด้วยแบบปลอมๆ คือ ยกเอาเฉพาะประเด็นเรื่องการล้มคดีต่างๆ ที่เกิดจากรัฐประหาร แต่ข้อเสนอ มาตรา 112 ไม่ยอมพูดถึง

นายสมศักดิ์ระบุอีกว่า นางธิดาเคยบอกว่านิติราษฎร์เป็นแนวร่วมทางยุทธศาสตร์ กับ นปช.แต่หลังจากที่มีแรงกดดันจากมวลชนให้ทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับคดีหมิ่นฯ โดยเฉพาะในกรณีอากง ก็ค่อยๆ ออกมากระมิดกระเมี้ยนว่าเห็นด้วยกับการแก้ไข มาตรา 112 แต่พูดรวมๆ ว่ากฎหมายที่ไม่เป็นธรรมทั้งหมด โดยไม่เอ่ยถึงกรณีอากง ต่อมาก็ไม่ยอมแม้แต่เอ่ยชื่อกฎหมาย 112 ต่อมาก็ขยับอีกขั้น ยกข้อเสนอของนายคณิต ณ นคร ขึ้นมาแสดงท่าทีเห็นด้วย ทำนองว่าเห็นด้วยกับทุกเรื่อง แต่พอพูดเรื่อง 112 ก็พูดแบบไม่แน่ไม่นอน

ขณะที่ด้านหนึ่ง รัฐบาลก็ทำท่าว่าจะปราบคดีหมิ่นฯ ใหญ่โต พอนิติราษฎร์โดนโจมตี คราวนี้ นปช.ก็เปลี่ยนท่าทีอีก จากที่เคยออกมาในแนวสนับสนุน ตอนนี้ก็บอกว่า นปช.ไม่มีนโยบายแก้ไข 112 ลักษณะการเล่นการเมืองแบบ cynical แบบนี้แหละที่มีส่วนทำให้นิติราษฎร์เดือดร้อนและกลายเป็นจุดโจมตีหนักไปด้วย

รายละเอียด จดหมายจากผู้อ่าน : ความในใจสุดท้ายจากคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ถึงจตุพร พรหมพันธุ์ “กูคือไพร่แต่ไม่ใช่ทาส”

(จากเว็บไซต์ประชาไท http://www.prachatai3.info/journal/2012/02/39057)

ฟังจตุพรจัดรายการชูธง และการแถลงข่าวครั้งล่าสุดแล้ว ยังวนเวียนอยู่แต่กับประเด็น

1.ขอให้นิติราษฎร์หยุดการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไขการทำรัฐประหาร

2.ถึงเดินหน้าต่อไป ก็ไม่มีทางสำเร็จได้ เพราะไม่มี ส.ส.หรือ ส.ว.คนไหน จะกล้ายกมือโหวตให้ในสภาแม้แต่คนเดียว (แม้แต่หัวหมู่ทะลวงฟัน ที่ไม่เคยกลัวสิ่งใดแม้แต่ความตาย)

ถ้าหากท่านใดก็แล้วแต่ จะเข้าไปฟังการแถลงข่าว (อีกครั้ง) ของท่านตู่ในวันพรุ่งนี้ อยากฝากคำถามไปแถมแทนสักสามสี่ข้อ (เนื่องจากผมอยู่ต่างประเทศ ไปถามเองไม่ได้)

1.ที่ท่านตู่มาขอร้องให้นิติราษฎร์หยุดการเคลื่อนไหว เพื่อหยุดเงื่อนไขการปฏวัตินั้น เอ่อ...ท่านตู่ครับ นึกหรือครับ ว่าถ้าไม่มีเรื่องนี้แล้วเขาจะไม่หาเรื่องอื่น มาหาเรื่องปฏิวัติรัฐบาลของท่านได้ โง่หรือซื้อบื้อครับ

2.ที่ท่านตู่บอกว่า ไม่มีใครกล้ายกมือโหวตให้กฏหมายข้อนี้แม้แต่คนเดียว แม้แต่หัวหมู่ทะลวงฟันที่ไม่เคยกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมแบบท่าน แล้วอุดมการณ์ที่ท่านและพรรคพวกพร่ำเพ้อวันละสามเวลาหลังอาหารและก่อนนอน ให้พวกเราเสื้อแดงต้องออกไปเจ็บไปตายแทนพวกท่าน ที่ว่าจะต่อสู้เพื่อความเสมอภาค ภราดรภาพ และความเท่าเทียมกันของคนไทยทุกคน

และสิ่งที่กลุ่มนิติราษฎร์เคลื่อนไหวทั้งหมด มันตอบโจทย์ได้ทุกข้อสำหรับที่พวกเราเสียเลือดเสียเนื้อต่อสู้กันมา แล้วทำไมท่านไม่ร่วมสู้ไปกับนิติราษฎร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะทำที่สุดในตอนนี้ ความห้าว ความกล้า ความบ้าบิ่นไม่กลัวตาย ของจตุพร พรหมพันธ์ คนเดิมมันหายไปไหนหมด คนเราเมื่อถึงคราวต้องสู้ มันก็ต้องดับเครื่องใส่ ไสช้างชนให้มันรู้ดีรู้ชั่วกันไป

3.แทนที่จะมัวกลัวซ้ายกลัวขวาว่าจะโดนปฏิวัติ ก็ในเมื่อพวกท่านมีอำนาจรัฐอยู่ในมือแล้ว ทำไมถึงไม่หาทางป้องกันหรือหยุดยั้งมันละครับ มัวแต่มาเกรงใจ หรือเกี้ยเซี้ยกับหอกข้างแคร่ ที่คิดจะปฏิวัติท่านอยู่ทำไม ผบ.ทบ.ถ้าไม่เป็นที่น่าไว้ใจก็ย้ายสิครับ นายกฯมีอำนาจย้ายได้นี่ จะรอให้เขาปฏิวัติเสียก่อน แล้วค่อยมาสั่งปลดกลางอากาศ เหมือนตอนทักษิณสั่งปลดสนธิ เกิดเขาตัดสัญญาณโทรทัศน์ได้ ก่อนที่คำสั่งปลดจะสมบูรณ์ ก็จะเสียค่าโง่เหมือนอ้ายแม้วของผมไง จะหกปีอยู่แล้วยังไม่ได้กลับบ้านเลย นี่แหละผลของการไว้ใจศัตรูละ

4.และสุดท้าย หัวหมูทะลวงฟันอย่างท่านตู่ จะออกมาทำหน้าซีด ปากสั่น ละล้าละลังกลัวการปฏิวัติให้เสียภาพลักษณ์ ก็ทำไมไม่ยกมืออธิษฐานให้มันรีบปฏิวัติไวๆ ทุกอย่างจะได้จบลงไปในคราวเดียว ไม่ต้องเหนื่อยกันหลายครั้ง เหมือนที่ท่านพี่เคยพร่ำบ่น (สร้างภาพ..หรือเปล่า) พอท่านตู่ได้เป็น ส.ส.แล้ว ความรู้สึกนึกคิดแบบนั้นอาจจะหายไป แต่พี่น้องเสื้อแดงทุกคนเขาไม่ได้หายตามท่านไปด้วย แต่ยังหนักแน่น และยิ่งเข้มข้น รอให้มันเขี่ยลูก ถ้าเริ่มเขี่ยเมื่อไหร่ รับรองได้บิวตี้ฟูลกันแน่นอน (เลียนสำนวนท่านณัฐวุฒิ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะยังจำคำพวกนี้ได้หรือเปล่า)

สุดท้ายที่อยากฝากเตือนให้รู้สำนึก ที่ท่านตู่ ท่านเต้น ได้รับความรัก ความศรัทธา และการอุ้มชูจากพี่น้องเสื้อแดง ก็เพราะ (ที่ปากบอกว่า) ความใจสู้ ไม่กลัวเกรงต่อสิ่งใด และไม่ละทิ้งมวลชน ไม่เช่นนั้น ท่านก็จะไม่ต่างอะไรกับวีระ หรือวิสา ที่ได้ตายไปจากใจคนเสื้อแดงหมดแล้ว ก็ชวนเขามาสู้ตาย จนเขาทุ่มให้หมดใจ แต่ดันเสือกมาโดดรถหนีตอนเกิดการสู้รบแบบนั้น

และการออกมาลอยแพ (แถมยังแอบกระทืบซ้ำ) คณะนิติราษฎร์นั้น มันคือการทรยศต่ออุดมการณ์ ในการต่อสู้ของพี่น้องเสื้อแดงทั้งหมด เพราะทุกข้อที่อาจารย์นิติราษฎร์คิดและเขียนออกมา มันคือความต้องการ และความในใจของคนเสื้อแดงทั้งนั้น จะพูดว่านิติราษฎร์พูดและเขียนออกมาแทนใจคนเสื้อแดงทั้งหมดก็ว่าได้

อยากจะกลายเป็นคนที่โดนทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะตามรถไฟขบวนก้าวหน้าไม่ทันไปอีกคนหรือไง จริงอยู่ ก่อนเลือกตั้งเราคือคนสำคัญของพวกท่าน แต่พอหลังเลือกตั้ง แม้แต่กฏหมายที่ประชาชนต้องการแก้ที่สุด ท่านยังกล้าประกาศว่าจะคว่ำเสียตั้งแต่ไม่ทันจะเริ่ม มันไม่ทำร้ายจิตใจกันไปหน่อยหรือ

อยากรู้เหมือนกัน ว่าถ้าตอนนี้นิติราษฎร์ถูกบีบให้ต้องตั้งพรรคการเมือง เพื่อขับเคลื่อนข้อเสนอให้กลายเป็นจริง (เพราะพี่ ส.ส.เพื่อไทยไม่เอาด้วย) ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ส.ส.เพื่อไทยที่สุดแสนจะปากดีในวันนี้ (เช่น เฉลิม และประชา ประสพดี) จะได้กลับมาเป็นท่าน ส.ส.ที่เคารพสักกี่คน

รายละเอียด ข้อความในเฟซบุ๊ก “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล”
(http://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=289922794394340&id=100001298657012)

สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่ง ที่ นิติราษฎร์ โดนโจมตีหนัก ต้องโทษ ท่าทีแบบ cynical (ไม่จริงใจ) ของ เพื่อไทย และ นปช.

(1) ก่อน 19 กันยา ปีกลาย สื่อมวลชนกระแสหลัก แทบจะไม่รู้จักหรือแทบไม่เคยเสนอข่าว นิติราษฎร์ เลย

แต่จู่ๆ นิติราษฎร์ กลายเป็นข่าวหน้า 1 ขึ้นมา ก็เพราะ ทั้ง รบ. โดยคุณเฉลิม และ นปช. โดย อ.ธิดา ได้ออกมาพูดใหญ่โตว่า "เห็นด้วยกับแนวทางของ นิติราษฎร์" (เรื่องลบล้างผลพวงรัฐประหาร)

ดังที่ผมเขียนวิจารณ์ไปตอนนั้นว่า การ "เห็นด้วย" ของ รบ. และโดยเฉพาะของ นปช.นั้น เป็นการ “เห็นด้วย” แบบปลอมๆ (cynical) คือ ยกเอาเฉพาะประเด็นเรื่องการล้มคดีต่างๆ ที่เกิดจาก รปห. แต่ข้อเสนอ 112 ที่ความจริง ก็อยู่ในแถลงการณ์วันที่ 19 กย. นั้น ไม่ยอมพูดถึง

ช่วงนั้น อ.ธิดา ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “นิติราษฎร์ เป็นแนวร่วมทางยุทธศาสตร์ กับ นปช.”

(2) หลังจากนั้น นปช. ด้วยแรงกดดันจากมวลชนของตนเอง และผู้รักประชาธิปไตยอื่นๆ ที่ให้ ทำอะไรสักอย่าง เกี่ยวกับคดีหมิ่นฯ โดยเฉพาะในกรณีอากง ก็ต้องค่อยๆ ออกมา แบบกระมิดกระเมี้ยน ในลักษณะว่า “เห็นด้วย” กับการแก้ไขกฎหมาย 112

วิธีที่ออกมา ก็เป็นในลักษณะ cynical คือ เริ่มจาก ไม่ยอมแม้แต่เอ่ยกรณีอากง, ตอมา ก็ไม่ยอมแม้แต่เอ่ยชื่อกฎหมาย 112 อ.ธิดาจะใช้คำพูดประเภท “กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมทุกฉบับ โดยเราไม่ต้องระบุชื่อ” ... แต่ฟังดู ก็เพื่อให้มวลชน ฯลฯ เป็นที่รู้กันว่า หมายถึง 112) ต่อมา ก็ “ขยับ” อีกขั้น ยกข้อเสนอของ คณิต ณ นคร ขึ้นมาแสดงท่าทีเห็นด้วย

(3) ความจริง ถ้าจะว่าไป การที่เฉลิม อ.ธิดา ยกนิติราษฎร์ ให้ขึ้นมาเป็นข่าว ตอนกันยายนปีกลาย ก็เรียกว่า เป็นเรื่องดี คือ ช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้

แต่เพราะลักษณะ cynical ที่ว่า คือ ยกมาเฉพาะบางเรื่อง (แต่เชียร์ใหญ่โตราวกับเห็นด้วยทุกเรื่อง) และพอพูดเรื่อง 112 ก็พูดแบบชนิด ไม่แน่ไม่นอน

ด้านหนึ่ง ทาง รบ.ก็ทำท่าว่าจะปราบคดีหมิ่นฯ ใหญ่โต (ซึงดังที่ผมเขียนไปตอนนั้นว่า เป็นการ “ผูกคอตัวเอง” แท้ๆ)

ในขณะที่ อีกด้านหนึ่ง นปช. ก็มีท่าทีแบบทีว่า คือ แรกๆ ไม่แตะเลย ต่อมา ก็ค่อยๆ มาเอ่ยถึง ต่อมา ก็ถึงกับออกมาในทางสนับสนุนเห็นด้วยกับ คณิต คือ ให้แก้ 112 ในบางระดับ

พอนิติราษฎร์ โดนโจมตีคราวนี้ นปช. ก็เปลี่ยนท่าทีอีก จากทีเคยออกมาในแนวสนับสนุน อย่างน้อย ก็ข้อเสนอ คอป. ตอนนี้ ก็ออกมาว่า นปช. ไม่มีนโยบายแก้ไข 112

(4) ลักษณะการ เล่นการเมือง แบบ cynical แบบนี้แหละ ที่มีส่วนทำให้ นิติราษฎร์ เดือดร้อน และกลายเป็นจุดโจมตีหนักไปด้วย

ตอนนี้ การโจมตีนิติราษฎร์ ส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง จึงเป็นเรื่อง proxy คือ ใช้การโจมตีนิติราษฎร์ เป็นการโจมตีทักษิณ ที่ นิติราษฎร์ ไม่เกี่ยวข้องด้วย
จดหมายเปิดผนึก ความในใจสุดท้ายจากคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ถึงจตุพร พรหมพันธ์ “กูคือไพร่แต่ไม่ใช่ทาส” ในเว็บไซต์ประชาไท
กำลังโหลดความคิดเห็น