ที่ปรึกษา กม.แม้ว ออกแถลงการณ์โต้ “อภิสิทธิ์” กล่าวหานายใหญ่ต้นตอศูนย์กลางความขัดแย้งสังคมไทย เย้ยการเลือกตั้งเป็นบทพิสูจน์ชัด ปชช.ไม่เอาด้วยกับพรรค ปชป.ที่ไม่เคารพต่อ ปชต.และใช้วิธีการนอก รธน.ด้วยการรัฐประหารเพื่อเข้ามาบริหารบ้านเมือง
วันนี้ (25 ม.ค.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่า พ.ต.ท ทักษิณ เป็นต้นเหตุและศูนย์กลางของความขัดแย้ง และเรียกร้องให้ พ.ต.ท ทักษิณ ยุติการสร้างความไขว้เขวเกี่ยวกับสถาบันมีใจความดังนี้
“ผมไม่แปลกใจในข้อกล่าวหาและความเห็นของคุณอภิสิทธิ์ เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ท่านยังยึดมั่นในวาทกรรมและจุดยืนเช่นนี้ และในการเลือกตั้งทั่วไปทุกครั้ง ท่านก็ได้เสนอแนวคิดนี้ และขอให้ประชาชนเลือกว่าจะเอาประชาธิปัตย์ หรือพรรคที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งปรากฏว่า พรรคฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณชนะเด็ดขาดทุกครั้ง และชนะมากขึ้นในยุคที่คุณอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค นั่นเป็นเพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณอภิสิทธิ์นำเสนอ และคนส่วนใหญ่เห็นว่าต้นเหตุของความขัดแย้งในสังคมไทย เพราะเราไม่เคารพกติกาประชาธิปไตยและเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน และไม่เคารพหลักนิติธรรมและมีสองมาตรฐาน ความขัดแย้งจึงเกิดจากการที่คนกลุ่มหนึ่งต้องการล้มรัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้ามาโดยวิธีการนอกรัฐธรรมนูญ และรัฐประหาร และนักการเมืองบางคนสนับสนุนการชุมนุนเพื่อล้มรัฐบาล การที่ คุณอภิสิทธิ์ โยนทุกอย่างให้ พ.ต.ท ทักษิณ ว่าเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง จึงเป็นการมองที่คับแคบ และตื้นเขินจนเกินไป แต่เป็นสิทธิของคุณอภิสิทธิ์ที่จะมองเช่นนั้น และก็เป็นสิทธิของประชาชนส่วนใหญ่ที่จะเห็นต่าง
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์กล่าวหาว่า พ.ต.ท ทักษิณ พูดจาไขว้เขวเรื่องสถาบันนั้น ขอเรียนว่าท่านอาจยังไม่ได้อ่านหนังสือ conversation with Thaksin เพราะในหนังสือดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่สร้างความไขว้เขว และขอย้ำอีกครั้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นผู้เสนอให้ นายบัน คี มูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ มาประเทศไทย เพื่อขอพระราชทานโอกาสในการเข้าเฝ้าเพื่อกราบบังคมทูลเรื่องการปรองดองในไทย เพียงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณได้ตอบคำถามสมมติของผู้เขียนหนังสือว่า ถ้าเลขาฯ ยูเอ็นมาประเทศไทยในเรื่องดังกล่าวจะเป็นอย่างไร และเนื้อหาของหนังสือในเรื่องนี้ก็แสดงการเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงเป็นประมุขของรัฐและกษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดของโลกในขณะนี้
“จึงขอชี้แจงให้ประชาชนได้เข้าใจและเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองระมัดระวัง ในการที่จะกล่าวหาหรือพาดพิงบุคคลอื่นไปในทางที่เสียหายในเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบัน เพราะสถาบันอยู่เหนือการเมือง และเป็นที่เทิดทูนของประชาชนคนไทยมาตลอด”