ตัวแทนข้าราชการบำเหน็จบำนาญ ยื่นหนังสือต่อสภาฯ เพื่อเสนอแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนฯ ปรับเพิ่มบำนาญจากร้อยละ 50-54 ของเงินเดือนสุดท้าย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีพ
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายประวิตร บุญไสย์ ตัวแทนข้าราชการบำเหน็จบำนาญ พร้อมด้วยข้าราชการบำเหน็จบำนาญ ประมาณ 10 คน ได้มายื่นหนังสือแก่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ฯลฯ เพื่อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นผู้รับหนังสือแทน
โดย นายประวิตร กล่าวว่า ทางข้าราชการกองทุนบำเหน็จบำนาญฯ ขอเรียกร้องให้แก้ไขในมาตรา 59 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ข้าราชการเกษียณอายุราชการ ที่เป็นสมาชิกกองทุน และได้เงินประเดิมจากรัฐตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้ทายาทได้รับเงินประเดิมและเงินผลประโยชน์ และขอแก้ไขในมารตรา 63 เนื่องจากสามาชิกกองทุนที่ประสงค์รับเงินบำนาญเพียงร้อยละ 50-54 ของเงินเดือนสุดท้าย ซึ่งเป็นเงินที่ลดลงจากเงินเดือนสุดท้ายเป็นจำนวนมาก ประกอบกับผลประโยชน์ตอบแทนจากกองทุนนั้น ก็ไม่เป็นไปตามที่ประมาณการไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ข้าราชการบำนาญได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีพ อีกทั้งไม่เหมาะสมแก่สถานะข้าราชการที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อประชาชาติด้วยความเสียสละด้วย
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายประวิตร บุญไสย์ ตัวแทนข้าราชการบำเหน็จบำนาญ พร้อมด้วยข้าราชการบำเหน็จบำนาญ ประมาณ 10 คน ได้มายื่นหนังสือแก่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ฯลฯ เพื่อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นผู้รับหนังสือแทน
โดย นายประวิตร กล่าวว่า ทางข้าราชการกองทุนบำเหน็จบำนาญฯ ขอเรียกร้องให้แก้ไขในมาตรา 59 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ข้าราชการเกษียณอายุราชการ ที่เป็นสมาชิกกองทุน และได้เงินประเดิมจากรัฐตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้ทายาทได้รับเงินประเดิมและเงินผลประโยชน์ และขอแก้ไขในมารตรา 63 เนื่องจากสามาชิกกองทุนที่ประสงค์รับเงินบำนาญเพียงร้อยละ 50-54 ของเงินเดือนสุดท้าย ซึ่งเป็นเงินที่ลดลงจากเงินเดือนสุดท้ายเป็นจำนวนมาก ประกอบกับผลประโยชน์ตอบแทนจากกองทุนนั้น ก็ไม่เป็นไปตามที่ประมาณการไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ข้าราชการบำนาญได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีพ อีกทั้งไม่เหมาะสมแก่สถานะข้าราชการที่บำเพ็ญประโยชน์ต่อประชาชาติด้วยความเสียสละด้วย