ปธ.กมธ.ท่องเที่ยวฯ ซัดรัฐบาลจัดสรรงบ ก.ท่องเที่ยว กระจุกตัว ซ้ำๆ แหล่งเดิม “สุพรรณบุรี” รับเต็มๆ ส.ว.สรรหา ชี้ หนี้สะสมขณะนี้ 4 ล้านล้านบาท พร้อมเหน็บรัฐบาลจะกู้เงินเป็นวาระแห่งชาติหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน วันนี้ (24 ม.ค.) มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 เป็นวันที่สอง โดย นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ส.ว.ภูเก็ต ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา ได้อภิปรายตำหนิการจัดทำงบในส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า เป็นการจัดงบกระจุกตัวอยู่ไม่กี่จังหวัด ให้ซ้ำๆ กับแหล่งท่องเที่ยวเดิมๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญโดยเฉพาะฝั่งอันดามัน ซึ่งทำรายได้ให้ถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ กลับได้รับน้อยมาก อย่าง จ.พังงา ไม่เคยได้รับเลย ส่วน ภูเก็ต 4 ปีได้รวมแค่ 8.3 ล้านบาท ขณะที่ จ.สุพรรณบุรี เฉพาะกรมการท่องเที่ยวกรมเดียวแต่ละปีได้ 237 ล้านบาท จ.พิจิตร ได้ 100 กว่าล้านบาท จ.อุทัย ได้ 95 ล้านบาท เฉพาะค่าปรับภูมิทัศน์ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรีปีนี้ได้ 6 ล้านบาท บึงฉวากได้ปีละ 40-50 ล้านบาท ขณะที่ จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นเขตต่อกับบึงฉวากไม่ได้รับเลย
นอกจากนี้ ยังได้งบกรมพลศึกษา จ.สุพรรณฯ ได้ 73 ล้านบาท การจัดงบแบบนี้ไม่ได้กระจายลงแหล่งท่องเที่ยว ไม่ได้ดูฐานรายได้ คนมีอำนาจทำกันในห้องแอร์ ไม่ได้ลงพื้นที่จริง กระทรวงนี้กลายเป็นกระทรวงเกรดซี ทั้งที่ทำรายได้ให้ประเทศเป็นอันดับสอง
นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า อยากทราบว่า ตัดเลขการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมใหญ่ทำได้เข้าเป้าหรือไม่ เพราะมีการตั้งงบขาดดุลถึง 4 แสนล้านบาท เป็นงบประจำสูงมากจะนำเข้าสู่ความสมดุลอย่างไร หากยังไม่แก้ไขงบประจำจะสูงอย่างนี้ตลอดไป ขณะที่งบลงทุนถือว่าน้อยมากมีแค่ 4 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เอาไปจัดไว้นอกงบประมาณ คือ งบเยียวยาอุทกภัย ไม่เข้าสู่การจัดทำงบปกติ ซึ่งเป็นเรื่องวินัยการคลังเรื่องการเงินกู้ด้วย ต้องขอคำชี้แจงจาก รมว.คลัง เพราะมีข่าวอดีต รมว.คลัง ของรัฐบาลก็ออกมาแสดงความเป็นห่วง อยากถามว่ารัฐบาลจะทำให้การกู้เงินเป็นวาระแห่งชาติหรือเปล่า มีแต่กู้ กู้ กู้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปชำระหนี้ รัฐบาลควรตั้งตาทำงานเพื่อหาเงินใช้หนี้เก่า วันนี้เรามีหนี้สะสม 4 ล้านล้านบาท แต่ใช้คืนได้เพียงปีละ 4 หมื่นกว่าล้าน ส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหมด
พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา อภิปราย อยากให้รัฐบาลทบทวนโครงการรับจำนำข้าวเพราะตอนนี้พบว่ามีปัญหาทุจริตมากส่งผลให้รัฐต้องแบกรับภาระขาดทุนจำนวนมาก โดยมีการร้องเรียนว่าโรงสีบางแห่งเก็บข้าวเป็นจำนวนมากทั้งที่เพิ่งเริ่มต้นโครงการการรับจำนำ ซึ่งพบว่ามีการรับซื้อข้าวเปลือกหอมจังหวัดเพื่อทำการกักตุนแล้วนำข้าวมาผสมหลังจากที่มีการรับจำนำ ส่วนข้าวหอมที่มีอยู่เดิมนำออกไปจำหน่ายก่อนเนื่องจากมีราคาส่วนต่างของโครงการอยู่เป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.ยุทธนา กล่าวว่า ความบกพร่องในการรับจำนำข้าว เพราะราคาข้าวที่รับจำนำแตกต่างกัน อาทิ ข้าวหอมมะลิตันละ 2 หมื่นบาท ข้าวหอมจังหวัดตันละ 1.8 หมื่นบาท ข้าวหอมปทุม ตันละ 1.6หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้าธรรมดาตันละ 1.5 หมื่นบาท ข้าวเหนียวตันละ 1.5 หมื่นบาท โดยมีการรับซื้อข้าวหอมจังหวัดไปกักตุนไว้จำนวนมาก และนำไปผสมกันหลังรับจำนำแล้วเปลี่ยนเอาข้าวหอมมะลิออกไปจำหน่ายเป็นจำนวนมากเนื่องจากราคาข้าวที่แตกต่างกัน
“การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่สร้างความเสียหายหลายหมื่นล้านบาทต่อการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของทางรัฐบาล จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลหามาตรการในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการใช้จ่ายเงินงบประมาณของแผ่นดิน” พล.ต.ท.ยุทธนา กล่าว