ป.ป.ท.ยุติธรรม ชี้สถานการณ์ทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐยังน่าห่วง พร้อมเดินหน้าสางปัญหา เตรียมเปิดตัว “เครือข่ายเยาวชนต้านทุจริต” คอยจับตาแจ้งเบาะแส เล็งขยายเครือข่ายทั่วประเทศ
วันนี้ (22 ม.ค.) นายประยงค์ ปรียาจิตต์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม กล่าวในระหว่างการสัมมนาโครงการ “พัฒนาเครือข่ายเยาวชนต้านทุจริต” จัดโดย เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ร่วมกับ ป.ป.ท.ว่า แม้รัฐบาลที่ผ่านมาทุกยุค จะเน้นย้ำเรื่องการปราบปราบการทุจริตอย่างต่อเนื่อง แต่จากการประเมินสถานการณ์การทุจริตในภาครัฐถือว่ายังไม่มีแนวโน้มที่ลดลง สถานการณ์โดยรวมยังรุนแรง ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานกันหนักขึ้น
นายประยงค์กล่าวว่า ภาคประชาชนถือเป็นปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อป้องกันปราบปรามการทุจริตได้ ดังนั้น ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะจะมีการเปิดโครงการข้าราชการไทยหัวใจสีขาว รวมทั้งการเปิดตัวเครือข่ายเยาวชนต่อต้านทุจริตขึ้น โดยเป็นการรวมตัวกันของเครือข่ายเยาวชนฯ ให้เข้ามาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ในการเฝ้าระวัง คอยแจ้งเบาะแสเมื่อพบเห็นการกระทำผิด การทุจริต โดยใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เตรียมขั้นตอนการทำงานและฝึกสอนเครือข่ายเยาวชน โดยเริ่มจากความผิดที่มีผลกระทบกับเยาวชนโดยตรง เช่น ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บ่อนการพนัน สถานบันเทิง เพราะความผิดที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จนเกิดปัญหารุนแรงตามมา
“สังคมไทยถือเป็นสังคมอุปถัมป์ เพราะเมื่อแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ แต่ก็ยังละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกันตรวจสอบเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ปล่อยให้เป็นเนื้อร้ายทางสังคม ซึ่งต้องกวดขันการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับภาคประชาสังคม อย่างไรก็ตาม การทำงานครั้งนี้จะทำให้สังคมเห็นว่ามีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง และหากสังคมมีเยาวชนรุ่นใหม่ที่คอยเป็นหูเป็นตาจะทำให้สังคมน่าอยู่ เรียบร้อยขึ้น เยาวชนก็จะมีคุณภาพ มีทัศนคติที่ต่อต้านการคอร์รัปชัน และอยากฝากว่าหากเจ้าหน้าที่ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อตรวจสอบพบถือว่ามีความผิดทางวินัย และคงได้ไม่คุ้มเสียเมื่อเทียบกับที่ทำงานอย่างหนักมาตลอดชีวิต” รองเลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าว
ด้าน นายสุเทพ สดชื่น ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า ปัจจุบันเครือข่ายเยาวชนได้เก็บข้อมูลและร้องเรียนให้มีการบังคับกฎหมายเพื่อปกป้องเยาวชนอย่างจริงจังไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีขายเหล้าให้เด็ก ปล่อยให้เด็กอายุต่ำ 20 ปีเข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิง แต่หลายหน่วยงานกลับเพิกเฉยไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการ ทางเครือข่ายเยาวชนเห็นว่า การปล่อยปัญหาโดยไม่มีการดำเนินการจะทำให้ปัญหาเยาวชนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ท.จะทำให้กลไกทำงานปกป้องเยาวชนเกิดความตื่นตัว นำสู่การร่วมมือและบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่มากขึ้น โดยเราจะทำงานเป็นเครือข่ายตาสับปะรด คอยเฝ้าระวัง การไม่ทำหน้าที่คามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ และยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกต้านทุจริตให้กับแกนนำเครือข่ายด้วย
วันนี้ (22 ม.ค.) นายประยงค์ ปรียาจิตต์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม กล่าวในระหว่างการสัมมนาโครงการ “พัฒนาเครือข่ายเยาวชนต้านทุจริต” จัดโดย เครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ร่วมกับ ป.ป.ท.ว่า แม้รัฐบาลที่ผ่านมาทุกยุค จะเน้นย้ำเรื่องการปราบปราบการทุจริตอย่างต่อเนื่อง แต่จากการประเมินสถานการณ์การทุจริตในภาครัฐถือว่ายังไม่มีแนวโน้มที่ลดลง สถานการณ์โดยรวมยังรุนแรง ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานกันหนักขึ้น
นายประยงค์กล่าวว่า ภาคประชาชนถือเป็นปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อป้องกันปราบปรามการทุจริตได้ ดังนั้น ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะจะมีการเปิดโครงการข้าราชการไทยหัวใจสีขาว รวมทั้งการเปิดตัวเครือข่ายเยาวชนต่อต้านทุจริตขึ้น โดยเป็นการรวมตัวกันของเครือข่ายเยาวชนฯ ให้เข้ามาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ในการเฝ้าระวัง คอยแจ้งเบาะแสเมื่อพบเห็นการกระทำผิด การทุจริต โดยใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เตรียมขั้นตอนการทำงานและฝึกสอนเครือข่ายเยาวชน โดยเริ่มจากความผิดที่มีผลกระทบกับเยาวชนโดยตรง เช่น ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บ่อนการพนัน สถานบันเทิง เพราะความผิดที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จนเกิดปัญหารุนแรงตามมา
“สังคมไทยถือเป็นสังคมอุปถัมป์ เพราะเมื่อแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ แต่ก็ยังละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกันตรวจสอบเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ปล่อยให้เป็นเนื้อร้ายทางสังคม ซึ่งต้องกวดขันการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับภาคประชาสังคม อย่างไรก็ตาม การทำงานครั้งนี้จะทำให้สังคมเห็นว่ามีความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง และหากสังคมมีเยาวชนรุ่นใหม่ที่คอยเป็นหูเป็นตาจะทำให้สังคมน่าอยู่ เรียบร้อยขึ้น เยาวชนก็จะมีคุณภาพ มีทัศนคติที่ต่อต้านการคอร์รัปชัน และอยากฝากว่าหากเจ้าหน้าที่ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อตรวจสอบพบถือว่ามีความผิดทางวินัย และคงได้ไม่คุ้มเสียเมื่อเทียบกับที่ทำงานอย่างหนักมาตลอดชีวิต” รองเลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าว
ด้าน นายสุเทพ สดชื่น ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า ปัจจุบันเครือข่ายเยาวชนได้เก็บข้อมูลและร้องเรียนให้มีการบังคับกฎหมายเพื่อปกป้องเยาวชนอย่างจริงจังไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีขายเหล้าให้เด็ก ปล่อยให้เด็กอายุต่ำ 20 ปีเข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิง แต่หลายหน่วยงานกลับเพิกเฉยไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการ ทางเครือข่ายเยาวชนเห็นว่า การปล่อยปัญหาโดยไม่มีการดำเนินการจะทำให้ปัญหาเยาวชนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ท.จะทำให้กลไกทำงานปกป้องเยาวชนเกิดความตื่นตัว นำสู่การร่วมมือและบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่มากขึ้น โดยเราจะทำงานเป็นเครือข่ายตาสับปะรด คอยเฝ้าระวัง การไม่ทำหน้าที่คามกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ และยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกต้านทุจริตให้กับแกนนำเครือข่ายด้วย