สะเก็ดไฟ
งานเข้าตั้งแต่ยังไม่รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการสำหรับ “นลินี ทวีสิน” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับการมีชื่อติดอยู่ในแบล็กลิสต์บัญชีดำของสหรัฐอเมริกา เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ
เรื่องนี้ทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศถือว่ามีผลค่อนข้างมาก แม้จะบอกว่าไม่ต้องแคร์สหรัฐอเมริกา เพราะไทยไม่ใช่เมืองขึ้น แต่ประเด็นที่นำไปสู่การขึ้นบัญชีดำ ที่มีการโยงว่านลินีที่เป็นอดีตผู้แทนการค้าไทยก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 1 เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจกับโรเบิรต์ มูกาเบ ประธานาธิบดีซิมบัสเวและภรรยา จนทำให้นลินีมีชื่อเป็น 1 ใน 4 ของผู้ที่เป็นพันธมิตรกับผู้นำซิมบัสเวดังกล่าวตามคำแถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
ในทางกฎหมายไทย ไม่มีปัญหาแน่นอน ไม่มีใครเถียง ไทยมีเอกราชของตัวเองทางการเมือง เราไม่ควรให้ความสำคัญตามก้นพี่เบิ้มสหรัฐฯ ทุกเรื่อง เพราะอย่างกรณีสถานทูตสหรัฐฯ เตือนชาวสหรัฐฯ ให้ระวังการก่อการร้ายในกรุงเทพมหานคร โดยไม่หารือกับฝ่ายไทยก่อน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า
สหรัฐฯ ไม่ให้ราคารัฐบาลไทยเลย
แต่ประเด็นสำคัญเรื่องนี้ที่ต้องคำนึงถึง คือ ความสง่างาม ความไร้มลทิน ของผู้เป็นผู้บริหารประเทศคนสำคัญอย่างรัฐมนตรี ที่ต้องไม่มีเรื่องมัวหมองเป็นที่ยอมรับทั้งในเวทีการเมืองไทยและต่างประเทศ
“นลินี ทวีสิน” จึงควรต้องทำอะไรมากกว่าแค่บอกกับสื่อว่าสหรัฐฯ เข้าใจผิด ไม่เคยทำธุรกิจกับคนที่โดนขึ้นบัญชีดำด้วย
รวมถึงคนในรัฐบาลก็ต้องเคลียร์เรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่แค่ออกมาอุ้มกันอย่างที่ทำตอนนี้ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี-สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ แม้แต่ฆ้อนปลอมตราดูไบ อย่างสมศักดิ์ เกียรสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ก็ยังอุ้มกันสุดตัว
เหตุการณ์ลักษณะนี้ทำให้นึกไปถึงสมัยปี 2534-2535 ในช่วงที่สมัยนั้นมีพรรคการเมืองชื่อ สามัคคีธรรม ซึ่งเมื่อชนะการเลือกตั้งในปี 2535 แต่หัวหน้าพรรคที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ปรากฏว่าสื่อมวลชนประเทศสิงคโปร์รายงานว่า มีชื่อห้ามเข้าประเทศสหรัฐฯ ก็ปรากฏว่าทำให้ไม่สามารถขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
แต่กรณีของ นลินี ยังถือว่าไม่แรงมากเมื่อเทียบกับนักการเมืองคนดังกล่าว กระนั้นก็ต้อง แจงกับสังคมให้เคลียร์ด้วย ไม่ใช่ออกมาดาหน้ากันว่าเป็นเรื่องดิสเครดิตการเมืองกัน
สำหรับ “นลินี ทวีวิน” หลายคนสงสัยกันมากว่ามาจากสายไหน บ้างก็ว่ามาจากสายโควต้ากลาง บ้างก็ว่าสายจันทร์ส่องหล้า แนบแน่นอยู่ในกลุ่มก๊วนคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อีกบางกระแสก็บอกว่าสายกลุ่มทุนที่ไม่เปิดตัวเหมือนคนอื่นๆ
สืบค้นกันไปมาหลายสายในเพื่อไทย บอกเป็นโควต้ากลาง สายชินวัตร ที่ถึงคิวต้องได้เป็นรัฐมนตรี เพราะทำงานอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยมาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นฝ่ายค้าน แต่ทำงานแบบไม่เปิดตัว ขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือหลายอย่างให้พรรคเช่นนโยบายด้านสตรี การค้าระหว่างประเทศ
โดยนลินี เป็นหนึ่งในคนที่ทักษิณเคยให้สัญญาไว้ตอนช่วงตั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ว่าจะให้เป็นรัฐมนตรีหากมีการปรับครม.เพราะเดิมทีนลินีถูกวางตัวไว้ให้เป็นสายวิชาการของพรรคที่จะต้องได้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีชื่อจะคั่วเก้าอี้ รมช.ต่างประเทศ ตอนตั้งครม.ยิ่งลักษณ์ 1
เรื่อง นลินี เป็นแคนดิเดตรัฐมนตรี เห็นได้จากทักษิณ เอาชื่อนลินีไว้เป็นผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับสุดท้าย คือ 125 เลขสวย คนจำง่าย ซึ่งในผู้สมัครลำดับท้ายๆได้เป็นรัฐมนตรีไปแล้ว คือลำดับที่ 124 พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และต่อพงษ์ ไชยสาส์น อดีต รมช.สาธารณสุข ลำดับที่ 121 ส่วน พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ผู้สมัครลำดับที่ 123 ที่พลาดไม่ได้เป็นรมว.คมนาคมาสองรอบแล้ว แต่ก็นั่งเป็นประธานบอร์ดบริษัทท่าอากาศยานไทย กินเงินเดือนเงินประจำตำแหน่งเบี้ยประชุมเป็นแสน เอาไว้โอกาสเหมาะๆ คงได้เป็นรัฐมนตรีค่อนข้างแน่นอน
นลินี จึงเป็นรัฐมนตรีโควต้ากลาง ที่ได้เป็นรัฐมนตรีรอบนี้ตามสัญญาที่ทักษิณให้เอาไว้คือให้อยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ท้ายๆ แต่ได้เป็นรัฐมนตรีชัวร์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า นลินี จะเป็นรัฐมนตรีนานแค่ไหนหลังมีเรื่องติดบัญชีดำห้ามเข้าอเมริกา